ECO RICE LIPSTICK - ประทุมวดี Pratumwadee
฿550
Quantity/ 13 items available
1


Description


ECO RICE LIPSTICK - ประทุมวดี Pratumwadee

โทนสีชมพูกะปิ โทนสีที่สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ สีสกัดจากแครอทสีส้ม ข้าวแดง ผักและผลไม้รวมถึงดอกไม้ งานวิจัยจาก VOWDA


Ingredients :

Oryza sativa (rice) bran oil*, Oryza sativa (rice) bran oil shortening*, Olive squalane*, Simmondsia chinensis (jojoba golden) seed oil*, Vitis vinifera (grape) seed oil*, Oryza sativa (rice) bran wax*, Oryza sativa (rice) powder*, Beeswax*, Candelilla wax*, Monacolin (rice ferment) powder, Activated carbon(coconut shell), Tocopherol, Strawberry flavor. May contain : (+/-) : Iron oxides(CI77491), Mica, Titanium dioxide.

* Certified Organic ingredients

** Iron oxides, Mica, Titanium dioxide is a raw material that is allowed to be used in organic cosmetics.

 

5g e Net Wt.0.18 oz.

 

ออร์แกนิคลิปสติก 100%ปราศจากสารเคมีอันตราย ส่วนประกอบหลักมาจากส่วนประกอบต่างๆของข้าว ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันรำข้าว แป้งข้าว และสีที่ได้จากข้าวแดง แครอท ผักและผลไม้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมงานวิจัยจากVOWDA ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(NIA) ดังนั้นทุกครั้งที่ทา คุณจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยจากสารเคมีอันตรายอย่างปรอทและตะกั่ว รวมถึงโลหะหนักต่างๆ เนื่องจากลิปสติกเป็นเครื่องสำอางชนิดเดียวที่มีการเข้าสู่ปาก โดยอาจเข้าไปพร้อมกับการรับประทานอาหาร หรือการเลียริมฝีปากระหว่างวัน โดยงานวิจัยเรื่องลิปสติกอินทรีย์จากVOWDAได้รับรางวัลการันตีจากหลายสถาบัน*

*

-รางวัลจากการประกวดนวัตกรรมข้าวไทยปี2556

- Silver prize award from Korea international women’s invention exposition 2014 (KIWIE 2014)

- TIIA outstanding diploma from taiwan invention & innovation industry association ( TIIA) from taiwan

- World inventor award festival 2014, invention for woman field in Korea

 

organic lipstick 100% free from harmful chemicals The main ingredients come from various components of rice. Whether it's rice bran oil, rice flour, and color derived from red rice, carrots, vegetables and fruits, which is an innovation research from VOWDA. It is sponsored by the National Innovation Agency (NIA). You can be assured of safety from harmful chemicals such as mercury and lead. including heavy metals Since lipstick is the only cosmetic that enters the mouth which may enter with food or licking lips during the day The research on organic lipstick from VOWDA has been awarded a guarantee from many institutions*

*

- Award from Thai Rice Innovation Contest 2013

- Silver prize award from Korea international women's invention exposition 2014 (KIWIE 2014)

- TIIA outstanding diploma from taiwan invention & innovation industry association ( TIIA) from taiwan

- World inventor award festival 2014, invention for woman field in Korea


 


 

วิธีใช้ / Directions : ทาได้บ่อยครั้งตามต้องการ / Apply as often as required.

Line ID : @vowda

vowdachannel@gmail.com

YouTube : VOWDA CHANNEL

Made in Thailand


IN STORE(หน้าร้าน) :

All about you ทุกสาขา

Ecotopia” บริเวณชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่

โอลีฟ ออร์แกนิค สีลม

First Aid Kiss สยามสแควร์, ทองหล่อ


🌿🌱เกร็ดความรู้จากVOWDA^^🌿🌱

 

ทราบหรือไม่คะว่าเหตุใด ลิปสติกออร์แกนิคจริงๆจึงไม่มีสีชมพู??

 

👉👉นั่นก็เพราะว่าสีที่ตาเรามองเห็นว่าเป็นสีชมพู แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อสกัดออกมาจะได้แอนโทรไซยานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีม่วง แต่เนื่องด้วยก่อนสกัดสี ตอนที่ยังเป็นพืชสดสีที่เห็นเป็นการผสมจากสารสีหลายๆจากพืชชนิดนั้นๆ จึงทำให้มองเห็นเป็นสีชมพูนั่นเองค่ะ ดังนั้นสีที่สกัดได้จากพืชจริงๆจะไม่ได้มีสีที่ฉูดฉาด และมีเพียงสีแดงตุ่นๆ สีเหลือง สีดำ และมีม่วงค่ะ ซึ่งนอกจากนี้ไม่ใช่ว่าสีทุกสีจะนำมาทำเป็นลิปสติกได้นะคะ

 

เพราะสีที่ละลายในน้ำจะแยกชั้นกับเฟสน้ำมันจึงไม่สามารถนำมาทำลิปสติกได้นั่นเองค่ะ

 

ทั้งนี้ถึงจะมีเฉดสีให้เลือกไม่มาก แต่จุดเด่นของสินค้าก็คือโอกาสแพ้ต่ำ ปราศจากสารเคมี เพราะลิปสติกเป็นเครื่องสำอางชนิดเดียวทางพรบ.เครื่องสำอางที่อาจกลืนกินได้นั่นเองค่ะ


เครื่องสำอางจาก VOWDA ทุกผลิตภัณฑ์ปราศจาก :

-Harsh chemicals

-Talcum

-Synthetic fragrances

-Paraben preservatives

-Mineral oil

-SLS

-Propylene glycol

-Butylene glycol


แรงบันดาลใจในการผลิตสีลิปสติก

VOWDA กับการเปิดตัวลิปสติกข้าวเฉดสีใหม่ ซึ่งเป็นการต่อยอดงานวิจัยออร์แกนิคลิปสติกเฉดสีเดิมที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยยังคงจุดเด่นของวัตถุดิบคุณภาพอย่างการใช้สีจากข้าวหมัก ผัก และผลไม้ รวมถึงเบสลิปสติกมาจากส่วนประกอบต่างๆของข้าวไม่ว่าจะเป็นไขแข็งจากข้าว ไขมันจากข้าว น้ำมันรำข้าว และแป้งข้าว ซึ่งความพิเศษที่เหนือกว่าคุณภาพของลิปสติกคือ การนำเสนอโดยใช้ชื่อชุดเซ็ตลิปสติกว่า “นางในวรรณคดี”

สำหรับเฉดสีของลิปสติกข้าวเฉดสีใหม่มี 4 เฉดสีคือ

-         สีบุษบา จากวรรณคดีไทยเรื่อง อิเหนา

-         สีจินตะหราวาตี จากวรรณคดีไทยเรื่อง อิเหนา

-         สีมัทนา จากวรรณคดีไทยเรื่อง มัทนะพาธา

-         สีประทุมวดี จากวรรณคดีไทยเรื่อง โสวัต

วัตถุประสงค์ในการตั้งชื่อสีลิปสติกข้าวเป็นชื่อสีของนางในวรรณคดีไทย เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบสานงานเขียนที่มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ของไทยโดยใช้ชื่อเครื่องสำอางเป็นสื่อ โดยทางบริษัทฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่คนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติ ให้มีความสนใจในวรรณคดีไทยเพิ่มมากขึ้น ในโอกาสนี้ทางบริษัทฯต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนแบรนด์VOWDAเป็นอย่างดีเสมอมา และขอขอบคุณสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(NIA) รวมถึง Association of Thai Innovation and Invention Promotion ด้วยคะ บริษัทฯจะตั้งใจใช้วัตถุดิบของไทยเพื่อมาแปรรูปให้เกิดเป็นนวัตกรรมให้ทุกท่านได้ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพของคนไทยค่ะ


ประทุมวดี

วรรณคดีเรื่อง โสวัต

กล่าวถึงท้าวพรหมทัตกษัตริย์เมืองพรหมกุฏ มเหสีชื่อนางสุมณฑาเทวี พระโอรสนามโสวัตกุมาร นางม้าใต้ปราสาทก็ตกลูกม้าสีขาวตัวหนึ่ง โหรทำนายว่าพระโอรสมีบุญบารมีและจะมีพระชายาถึงสี่พระองค์ เมื่อโสวัตอายุได้ 16 พรรษา ท้าวพรหมทัตแต่งตั้งโสวัตเป็นฝ่ายหน้า

นางฟ้าองค์หนึ่งจุติมาเกิดในดอกบัว พระฤาษีไปพบจึงนำมาเลี้ยงดูเป็นธิดาบุญธรรม ให้ชื่อว่าประทุมวดี นางมีกลิ่นกายหอม เมื่ออายุได้ 15 ปี นางประทุมวดีได้ร้อยมาลัยเสี่ยงทายลอยไปในแม่น้ำใกล้อาศรม โดยอธิษฐานว่าให้พวงมาลัยนี้ไปคล้องข้อมือผู้ที่เป็นคู่ครองของนาง มาลัยนั้นลอยทวนน้ำไปคล้องข้อมือโสวัตซึ่งกำลังสรงน้ำอยู่ โหรทำนายว่าหากพระองค์เดินทางไปยังทิศตะวันออกจะได้เจ้าของมาลัยเป็นคู่ครองและจะได้ชายาถึง 4 พระองค์

โสวัตทูลลาพระบิดาและพระมารดาไปตามหานาง โดยออกเดินทางไปกับม้าตันกัณฐัศว์ พบนางประทุมวดีอยู่เฝ้าอาศรมคนเดียว นางออกมานั่งรำพันถึงมาลัยที่เสี่ยงไป โสวัตบอกนางว่าพระองค์คือผู้ที่ได้มาลัยเสี่ยงทาย โสวัตได้นางเป็นชายา เมื่อพระฤาษีกลับมาถึงอาศรม จัดพิธีอภิเษกให้ ต่อมานางประทุมวดีตั้งครรภ์ ม้ากัณฐัศว์จึงเตือนโสวัตว่าพระองค์จากเมืองมาได้ 10 เดือนแล้ว ควรกลับบ้านเมืองได้แล้ว โสวัตขออยู่ตอบแทนคุณพระฤาษีก่อน วันหนึ่งม้ากัณฐัศว์เหาะท่องเที่ยวไปถึงกรุงชนบทของท้าวจิตราสูร พญายักษ์โกรธมากที่ม้าเหาะข้ามเมืองจึงจับไปขังไว้ในกรงเหล็ก

โสวัตกับนางประทุมวดีออกไปเก็บผลไม้ให้พระฤาษี พรานป่าผู้หนึ่งเห็นนางประทุมวดีก็คิดจะนำไปถวายพระราชา จึงใช้ธนูอาบยาพิษลอบยิงโสวัต เมื่อโสวัตสิ้นพระชนม์พรานก็บังคับให้นางประทุมวดีเดินทางไปกับตน นางประทุมวดีแสร้งออกอุบายหลอกให้พรานป่าตายใจยอมแก้มัดนาง เมื่อพรานหลับนางก็ใช้มีดฟันคอพรานป่าตาย นางประทุมวดีเดินทางต่อไปด้วยความทุกข์ยากลำบาก เวลาผ่านไป 5 เดือนนางเดินทางมาถึงฝั่งแม่น้ำ ได้พบพ่อค้าเรือสำเภา พ่อค้าบังคับให้นางลงเรือไปกับตนเพราะอยากได้นางเป็นภรรยา นางอ้อนวอนขอให้นางคลอดก่อนจึงจะยอมอยู่กับพ่อค้า เมื่อได้โอกาสนางก็แกล้งเลี้ยงสุราอาหาร จนพ่อค้าและบริวารเมามายหลับไป แล้วนางก็ขนอาหาร เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ใส่เรือเล็กหนีไป

ฝ่ายพระฤาษีเมื่อเห็นโสวัตและนางประทุมวดีหายไปก็ออกตามหา จนพบโสวัตนอนสิ้นพระชนม์อยู่ พระฤาษีทำพิธีชุบชีวิตโสวัตและมอบน้ำมันชุบชีวิตให้พระองค์นำไปช่วยนางประทุมวดี โสวัตทูลลาพระฤาษีไปตามหานางประทุมวดี เมื่อเดินทางไปได้ระยะหนึ่งก็ได้พบนางเงือกนอนตายอยู่ริมแม่น้ำ โสวัตช่วยชุบชีวิตนางเงือกและได้นางเป็นชายา นางเงือกช่วยพาโสวัตไปส่งยังฝั่งตรงข้ามและเล่าให้ฟังว่าฝั่งตรงข้ามเป็นเมืองยักษ์ที่ดุร้ายมาก แม้แต่ม้าที่เหาะผ่านเมืองพญายักษ์ก็ถูกจับไปขังไว้ในกรงเหล็ก

ที่ฝั่งน้ำเมืองชนบท นางศุภลักษณ์ธิดาของท้าวจิตราสูรกำลังเล่นน้ำอยู่กับพี่เลี้ยงชื่อศรีวรดี โสวัตได้นางศรีวรดีเป็นชายา และนัดแนะว่าตกกลางคืนจะลอบไปหา คืนนั้นเมื่อออกจากห้องนางศรีวรดีแล้ว โสวัตก็ลอบเข้าไปหานางศุภลักษณ์และได้นางเป็นชายา โสวัตอยู่กับนางศุภลักษณ์ที่ตำหนักโดยไม่มีใครล่วงรู้นอกจากพี่เลี้ยง วันหนึ่งพระจิตรีกุมารพระอนุชาของนางศุภลักษณ์เสด็จไปเยี่ยม เพราะสงสัยว่าเหตุใดนางจึงไม่มาเฝ้าพระบิดาดังเคย นางศุภลักษณ์แสร้งป่วยโดยบอกพระอนุชาว่าตนกำลังมีเคราะห์และสั่งห้ามพระอนุชาไม่ให้ทูลพระบิดา แต่เมื่อท้าวจิตราสูรถาม จิตรีกุมารก็ทูลความจริง (เรื่องตอนนี้ขาดหายไป)

นางศุภลักษณ์คร่ำครวญถึงการตายของนางประทุมวดี นางสั่งวานรว่าหากโสวัตติดตามมาให้แจ้งข่าวแก่พระองค์ด้วย นางกราบลานางประทุมวดี แล้วาพระโอรสของนางประทุมวดีเดินทางต่อไป ระหว่างนั้นพระโอรสหิวนม นางศุภลักษณ์จึงอธิษฐานขอพรเทพยดาให้นางมีน้ำนม ทันใดน้ำนมของนางก็ไหลมาให้พระโอรสได้ดื่มกิน นางศุภลักษณ์อุ้มพระโอรสเดินป่าต่อไปจนถึงวิมานเทพธิดาซึ่งล้อมรอบด้วยน้ำกรด นางศุภลักษณ์ตั้งจิตอธิษฐาน และด้วยบุญญาธิการของพระโอรส พระอินทร์จึงเนรมิตสะพานแก้วให้นางเดินข้ามไปยังวิมานเทพธิดาได้ นางศุภลักษณ์เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางเทพธิดาฟัง นางเทพธิดาช่วยเลี้ยงดูพระโอรสตั้งแต่นั้นมา

ท้าวมัททราชออกมาล่าสัตว์ป่า พบศพนางประทุมวดีที่ถูกงูกัดนอนตายอยู่กลางป่าจึงตามหมองูมารักษาจนนางฟื้น นางประทุมวดีเล่าว่า นางพลัดหลงกับพระสวามีมาคลอดลูกอยู่กลางป่า และได้พบกับนางศุภลักษณ์ชายาอีกคนของโสวัตเดินป่ามาด้วยกันจนนางถูกงูกัดตาย แล้วนางก็คร่ำครวญถึงพระโอรสและนางศุภลักษณ์ ท้าวมัททราชปลอบและเกี้ยวนางไปเป็นชายาแต่นางประทุมวดีกลับขอเป็นพระธิดาของพระองค์แทน ท้าวมัททราชยินยอมแล้วชวนนางกลับเข้าเมือง นางเหลือบไปเห็นวานรจึงร้องถามว่าพบนางศุภลักษณ์กับพระโอรสของนางบ้างหรือไม่ วานรตอบว่านางศุภลักษณ์คิดว่านางตายจึงอุ้มพระโอรสเดินทางต่อไป นางประทุมวดีจึงสั่งความกับวานรว่าหากโสวัตหรือนางศุภลักษณ์ติดตามหานาง ก็ให้ตามไปที่เมืองมัททราช (เรื่องตอนนี้ขาดหายไป) โสวัตกับม้ากัณฐัศว์เหาะมาถึงวิมานของเทพธิดา โสวัตได้นางฟ้าบริวารของนางเทพธิดาเป็นชายา เรื่องจบลงตอนที่นางค่อมบริวารของนางเทพธิดาทะเลาะกับม้ากัณฐัศว์

ที่มา : ณัฐกาญจน์ นาคนวล. 2560. โสวัตกลอนสวด. แหล่งที่มา : http://cstproject.exteen.com/20100926/entry. 19 กุมภาพันธ์ 2560