Yuwell เครื่องพ่นยา 405A
฿1,050
Description
🧡ใช้สำหรับพ่นยาขยายหลอดลม พ่นน้ำเกลือละลายเสมหะ
🧡เหมาะสำหรับเด็ก, ผู้ป่วยโรคหอบหืด และผู้ที่มีปัญหาทางระบบการหายใจ
🧡ขนาดของละออง 2.62 ไมครอน
🧡อัตราการพ่นยา 0.2 มล./นาที
🧡เสียงเบาไม่เกิน 55 เดซิเบล
🧡ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาได้สะดวก
🧡เสียบไฟบ้าน
🧡ใช้งานต่อเนื่องได้ 20 นาที หยุดพักเครื่อง 40 นาที
🧡รับประกันศูนย์ไทย 2 ปีYuwell Compressor Nebulizer 405A
🌿🌿Yuwell เครื่องพ่นยา 405A🌿🌿
🌿คุณสมบัติ🌿
เครื่องพ่นละอองยา เป็นอุปกรณ์ที่สามารถแปลงยาแบบเหลวเป็นละอองเพื่อให้สูดดมทางปาก จมูก หรือผ่านหน้ากากได้ง่าย ใช้เพื่อสูดยาเข้าร่างกายเพื่อรักษาโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนกลาง และส่วนล่าง
ผู้ใช้เครื่องพ่นละอองยาไม่จำเป็นใช้แรงสูดยามาก ก็สามารถได้รับความเข้มข้นของยาสูงและเข้าถึงบริเวณเป้าหมายที่ต้องการรักษา จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเด็กที่ยังเล็กมากและผู้ที่มีเสมหะหรือมีอาการของโรครุนแรง
🌿ใน 1 กล่องประกอบด้วย🌿
เครื่องพ่นยาละอองยา 1 เครื่อง
🌿ชุดเครื่องพ่น ประกอบด้วย🌿
- หัวพ่น
- ถ้วยใส่ยา
- อุปกรณ์พ่นยาทางปาก (Mouth Piece) 1 ชิ้น
- สายต่อพ่นยา
- หน้ากากพ่นยาผู้ใหญ่ (PVC) 1 ชิ้นหน้ากากพ่นยาเด็ก (PVC) 1 ชิ้น
- ไส้กรองอากาศสำรอง 2 ชิ้น
- adapter ต่อใช้ไฟบ้าน
- คู่มือการใช้งาน
🌿คำถามที่พบบ่อย🌿
Q : ใช้น้ำกลั่นหรือน้ำบริสุทธิ์ในการพ่นละอองได้หรือไม่?
A : ไม่สามารถใช้น้ำกลั่นหรือน้ำบริสุทธิ์เพื่อเป็นตัวละลายยาเพียงอยางเดียวในการพ่นละออง
Q : สามารถผลิตออกซิเจนได้หรือไม่?
A : ไม่สามารถผลิดออกซิเจนได้
Q : ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกเครื่องพ่นละอองยาที่เหมาะสม มีสองประการ คือ ขนาดอนุภาค และอัตราการพ่นละออง
ขนาดอนุภาค กำหนดตำแหน่งที่ละอองพ่นจะถูกพ่นเข้าไปขณะสูดเข้าซึ่งจะส่วนของระบบทางเดินหายใจที่ต้องการรักษา ขนาดอนุภาคที่ใหญ่ขึ้นจะถูกพ่นเข้าไปในทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนอนุภาคขนาดเล็ก (5μm หรือต่ำกว่า) จะถูกพ่นเข้าไปในทางเดินหายใจส่วนล่าง ตัวอย่างโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ อาการไอ หวัด โรคเยื่อจมูกอักเสบ ส่วนโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจส่วนล่าง ได้แก่ โรคหอบหืด COPD หลอดลมอักเสบ ดังนั้นในการรักษาหอบหืดนั้น ให้เลือกเครื่องพ่นละอองยาที่ให้อนุภาคขนาดเล็ก (5μm หรือต่ำกว่า) เพื่อให้สูดละอองเข้าไปได้ดีขึ้น
อัตราการพ่นละออง กำหนดอัตรายาที่พ่นเข้าไป ยิ่งอัตราการพ่นละอองยามากเท่าไร ก็จะรักษาได้เร็วขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ดี เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอายุของผู้ป่วยและความสามารถในการสูดยาเข้าไประหว่างการรักษา ตามหลักทั่วไปนั้น เวลาให้การรักษาที่เหมาะสมที่สุดควรอยู่ที่ 10-20 นาที