Description
เบต้ากลูแคน คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
เบต้ากลูแคน (Beta Glucan) Beta1,3 D Glucan 85 สกัดจากผนังเซลล์ของยีสต์ขนมปังสายพันธุ์ที่ได้รับการคัดเลือกมาให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด และเป็นที่ยอมรับกันว่ามีความบริสุทธิ์และประสิทธิภาพสูงที่สุด ในการต่อต้านเซลล์มะเร็งขณะนี้ (ในญี่ปุ่น, อเมริกาและทั่วโลก) ซึ่ง โค้ชนาตาลี ได้คัดสรรมาอย่างดีแล้ว ว่าประสิทธิภาพดีที่สุด
โดยมีพันธะเบต้า-1,3 ไม่ต่ำกว่า 85% และพันธะเบต้า-1,6 จำนวน 2% โดย เบต้ากลูแคนนี้ เป็นที่ใช้บริโภคกันอย่างแพร่หลายในผู้ป่วยมะเร็งที่ประเทศชั้นนำของโลก เช่น อมริกา และญี่ปุ่น
สกัดจากยีสต์ขนมปังสายพันธ์เฉพาะทาง เป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการศึกษามากที่สุดชนิดหนึ่งในโลก อาจจะเพราะความคุ้นเคยและความปลอดภัย เนื่องจากยีสต์ชนิดนี้เป็นส่วนสำคัญของอาหารมนุษย์มานานมากกว่า 6 พันปีแล้ว ได้ให้ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อมวลมนุษยชาติ เช่น อาหาร ขนมอบชนิดต่างๆ เหล้า เบียร์ ไวน์ เป็นต้น
Beta 1,3 D Glucan จากบริษัท Daichido ดีที่บริสุทธิ์และมีประสิทธิภาพมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
Beta Glucan ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานสาธารณะสุขสากลอื่นๆ เช่นองค์การอาหารและยาญี่ปุ่น การรับประทานเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง สามารถปรับเปลี่ยนสมดุลภูมิแพ้ที่อยู่ในสมดุล Th2 ให้กฃับมาอยู่ในสมดุลปกติ Th1 ได้ การศึกษาในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ และป่วยมาเป็นเวลานาน 7-8 ปี เป็นการศึกษานาน 3 เดือน เมื่อเที่ยบกับกลุ่มควบคุม ซึ่งยังคงมีอาการเหมือนเดิม กลุ่มที่รับประทานเบต้ากลูแคนจากยีสต์ขนมปัง มีอาการดีขึ้นตามลำดับ และสามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติ โดยไม่ต้องพึ่งยาแก้ภูมิแพ้อีก
ตัวอย่างของผู้ที่ควรรับประทาน เบต้ากลูแคน และสรรคุณ
- ผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บป่วยบ่อยๆ โดยเฉพาะกับโรคติดเชื้อ อักเสบ หนอง
- ผู้ที่เป็นภูมิแพ้, โรคหอบหืด, ภูมิแพ้ผิวหนัง, แพ้อากาศ, แพ้ฝุ่น, แพ้อาหาร, แพ้กลิ่น ฯลฯ
- วัณโรค โรคทางเดินหายใจผิดปรกติ
- โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
- โรคม่านตาอักเสบ (Uveitis)
- โรคพุ่มพวง ภูมิแพ้ตัวเอง (Systemic Lupus Erythematosus หรือ SLE)
- โรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง (Chronic Gingivitis)
- โรคเบาหวานชนิดที่1 (Type I Diabetes หรือ Juvenile Diabetes)
- ต่อมไทรอยด์อักเสบ (Hashimoto’s Thyroiditis)
- โรค Multiple Sclerosis
- ไวรัสตับอักเสบบี
- โรคมะเร็ง
- ผู้ที่มีเนื้องอก และผู้ป่วยมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ถึงมะเร็งลุกลาม
- ผู้ที่อยู่ในช่วงเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัด คีโม
- ผู้ที่เคยเป็นมะเร็ง และต้องการเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นอีก
- ผู้ป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- ผู้ป่วยระยะพักฟื้น หลังการผ่าตัด
- ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง
- โรคข้อเสื่อม (Rheumatoid Arthritis)
- โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (Autoimmune Gastritis)
- โรคทางเดินอาหารอักเสบ (Inflammatory Bowel Disease)
- ***บุคคลทั่วไปที่ต้องการบำรุงร่างกายให้แข็งแรงและมีสมดุลที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ
วิธีการใช้
การรับประทานเบต้ากลูแคน มีข้อควรปฏิบัติ 2 ประการคือ
- 1. ทานตอนท้องว่าง (แนะนำตอนเช้าหลังตื่นนอน หรือหลังมื้ออาหาร 3 ชั่วโมง)
- 2. ทานพร้อมกับวิตามินซี (1 แคปซูล/วิตามินซี 250 มิลลิกรัม) หลังจากนั้นควรรอ 30 นาที จึงรับประทานอาหารได้
ปริมาณและช่วงการทานเบต้ากลูแคน ได้ระบุไว้ดังนี้
(น้ำหนัก 40-70 กิโลกรัม)
- 1. คนปรกติ สำหรับป้องกัน บำรุงรุ่งกาย ใน 30 วันแรก ทานวันละ 1 แคปซูล หลังจากนั้นทานสัปดาห์ละ 1-2 แคปซูล
- 2. คนที่เป็นภูมิแพ้ ไซนัส ทานวันละ 1 แคปซูล ทานวันละ 1 เม็ดจนอาการทุเลาลง ค่อยปรับลดยาแก้แพ้แผนปัจจุบันลงจนหมด (อาจใช้เวลานาน 1-3 เดือน) หลังจากนั้นจึงลดเบต้ากลูแคนลงเหลือ 1-2 แคปซูลต่อสัปดาห์ หรืออาจทานวันละเม็ดต่อไปก็ได้เช่นกัน
- 3. คนที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตัวเอง เอสแอลอี สะเก็ดเงิน ใช้วิธีการทานเหมือนคนที่เป็นภูมิแพ้ แต่ใช้เวลานานกว่าจึงจะดีขึ้น
- 4. คนที่กำลังทำเคมีบำบัดหรือลดโอกาสการเป็นมะเร็งอีก สำหรับคนที่เคยเป็นมะเร็งแล้ว ให้ทานทุกวันในปริมาณ 25 มิลลิกรัม x น้ำหนักตัว ต่อวัน
- 5. คนที่กำลังฉายแสง หรือกำลังรักษามะเร็ง ให้ทานทุกวันในปริมาณ 40 มิลลิกรัม x น้ำหนักตัว ต่อวัน
ใช้เบต้ากลูแคน เพื่อบำรุงร่างกาย
ต้องการใช้ betaglucan สำหรับการสร้างสมดุลปกติ (สมดุล Th1) และรักษาสมดุลนี้ให้คงอยู่ตลอดไป เพื่อเป็นเกราะป้องกันร่างกายและสุขภาพอันมีค่าของเรา โดยใช้เบต้ากลูแคนในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และการบริโภคเบต้ากลูแคนนี้จะไม่ทาให้เรามีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิม เหมือนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทอื่นๆ แต่หากลองสังเกตดูจะพบว่า อาการเจ็บป่วยต่างๆที่เคยเกิดกับเราในแต่ละปี เช่น เป็นหวัดจะลดความถี่ลงหรือไม่ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ เป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นของเราจริงๆ
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าเบต้ากลูแคนสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งหลายชนิดอีกด้วย2 ดังในสุภาษิตที่กล่าวกันทั่วโลกว่า "กันไว้ดีกว่าแก้"
การรับประทาน เบต้ากลูแคน เพื่อบำรุงร่างกาย เพียงสัปดาห์ละครั้งตามตารางในช่อง S (10 มก/กก) ก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากเบต้ากลูแคนสามารถกระตุ้นการสร้าง IL-2 ซึ่งเป็นไซโตไคน์ที่สาคัญที่แสดงถึงการมีสมดุลปกติ3 สาหรับในกรณีที่มีโรคระบาด หรือมีแผลติดเชื้อ ฯลฯ เพื่อป้องกันหรือทาให้อาการที่เป็นอยู่หายเร็วขึ้น สามารถรับประทานทุกวันในปริมาณเดิม จนกว่าทุกอย่างจะกลับเป็นปกติ แล้วก็กลับมารับประทานสัปดาห์ละครั้งเช่นเดิม หลังจากการระบาดหรืออาการติดเชื้อหายไปก็ได้ การคำนวนปริมาณเบต้ากลูแคนที่เหมาะสมของคุณ เพื่อเพิ่มประโยชน์ของเบต้ากลูแคนให้ได้มากที่สุดควรรับประทานตอนท้องว่างกับน้ำ จากนั้นรออย่างน้อย 30 นาทีก่อนรับประทานอาหารหรือดื่ม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคุณต้องใช้ปริมาณตามน้ำหนักตัวของคุณ 1 แคปซูล Beta-1, 3D Glucan 500 มก. ต่อน้ำหนักตัว 50 ปอนด์ (22.5 กก.) ต่อวัน
ขั้นตอน:
- ใช้เครื่องชั่งเพื่อชั่งน้ำหนักตัวคุณเอง
- หารน้ำหนักของคุณด้วย 50
- ปัดเศษเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้ที่สุด
ตัวอย่างการคิดตามน้ำหนัก:
- 100 ปอนด์หรือ 45 กิโลกรัม = 1,000 มก. ต่อวัน (1 แคปซูล)
- 125 ปอนด์หรือ 57 กิโลกรัม = 1,000 มก. - 1,500 มก. (1-2 แคปซูล) สลับปริมาณวันเว้นวัน
- 150 ปอนด์หรือ 68 กิโลกรัม = 1,500 มก. ต่อวัน (1-2 แคปซูล)
- 175 ปอนด์หรือ 80 กิโลกรัม = 2,000 มก. ต่อวัน (2 แคปซูล)
- 225 ปอนด์หรือ 102 กก. และน้ำหนักใด ๆ ข้างต้น = 2,500 มก. ต่อวัน (2-3 แคปซูล)
**สำหรับคนที่อายุยังน้อย หรือมีสุขภาพแข็งแรง ขอแนะนำให้คุณทาน 100 มก. ต่อวันเพื่อการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ต้องการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันสูงสุด ขอแนะนำให้ใช้สูตรน้ำหนักตัว 500 มก. ต่อ 50 ปอนด์ (22.5 กก.) ต่อวัน