หูฟังไร้สาย Hifiman Deva Pro - สี: เทา
฿13,190
Quantity/ 0 item available
1


Description

สวัสดีครับทุกท่านวันนี้เป็นอีกครั้งที่มีสินค้าใหม่ที่น่าสนใจจึงได้นำมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ สำหรับตัวสินค้าที่ว่านี้ต้องบอกว่าเป็นภาคต่อของหูฟังที่เรียกได้ว่าทั้งคุ้มค่าในเรื่องของน้ำเสียง และ ราคา ซึ่งตัวที่ว่านี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น Deva Pro จากทาง HIFIMAN นั่นเองครับ รอบนี้ทาง HIFIMAN ได้สานต่อความสำเร็จจากครั้งก่อนด้วยการอัปเกรดสเปคของตัวหูฟังและเจ้า Bluemini มาใหม่ทั้งหมด

หลังจากประสบความสำเร็จจากรุ่น Deva ที่ออกมาวางจำหน่ายช่วงต้นปีที่แล้ว ทาง HIFIMAN นั้นก็ไม่ได้หยุดนิ่งแต่อย่างใด เพราะเค้าได้ซุ่มทำโปรดักส์ตัวต่อไปทันทีโดยไม่รีรอ ซึ่งโจทย์ของคราวนี้ก็คือการทำให้เสียงของ Deva Pro นั้นมีโทนเสียงที่แตกต่างจากเดิม เข้าถึงผู้คนในวางกว้างมากยิ่งขึ้นไปอีก

แต่ก็ต้องยังคงไว้ซึ่งจุดเด่นที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือหูฟังระบบเปิดหลัง ที่ช่วยให้ขนาดของเวทีนั้นกว้างขวาง และ ช่องไฟที่ห่างกันเป็นอย่างดี ถ้าหากส่วนนี้หดหายไปแฟน ๆ ก็อาจจะไม่ปลื้มเป็นแน่ครับ เพราะน้ำเสียงของหูฟังระบบ Open Back นั้นมีความโปร่งและให้บรรยากาศในการฟังที่ดูโล่งกว่าหูฟังแบบ Close Back มากทีเดียวครับ ซึ่งหูฟังระดับ Audiophile ที่กลุ่มนักฟังจริงจังส่วนใหญ่มักเลือกใช้กันครับ 

แน่นอนว่าโจทย์ในรอบนี้ก็มีความท้าทายไม่แพ้กับในรุ่นแรกเลยล่ะครับ เพราะครั้งนี้ต้องแบกรับความคาดหวังของแฟน ๆ เอาไว้สูงเพราะรอบก่อนนั้นสร้างมาตรฐานเอาไว้สูงทีเดียว แต่สุดท้ายแล้วไม่มีอะไรที่ยากเกินฝีมือของ Dr. Fang Bian หัวเรือใหญ่ของทาง HIFIMAN และทีมงานในโปรเจ็กต์นี้ เพราะรอบนี้ก็สามารถรังสรรค์ผลงานออกมาให้นักฟังทั่วโลกได้ตื่นตะลึงกันอีกครั้งกับ Deva Pro ที่มาพร้อมกับ Bluemini วงจรแบบ R2R ครับ แต่ก่อนที่เราจะไปรีวิวกันนั้นขอพาทุกท่านไปดูสเปคของ Deva Pro ก่อนดีกว่าครับ ^^

::: Headphone Specifications ::: 

- Frequency Responese 20Hz - 20kHz

- Impedance 18 Ohms 

- Sensitivity 93.5dB

- Weight 360g

- 3.5mm Balanced Socket 

 

 

::: Bluemini R2R Specifications ::: 

- Chipset Qualcomm QCC5124

- Bluetooth Version 5.0

- Transmission Codecs SBC, AAC, APTX, APTX-HD, LDAC 

- DAC HIFIMAN HIMALAYA

- Battery Life 8 Hours 

- Net Weight 25g

- USB-C Charge

- USB Audio : Windows 10 & Mac OS, Android

 

 

::: อุปกรณ์ภายในกล่อง ::: 

เมื่อแกะกล่องออกมานั้นก็จะพบกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนี้ครับ 

1. Deva Pro 

2. Bluemini R2R

3. 3.5mm Cable 

4. USB-C Cable

รอบนี้ทาง HIFIMAN เลือกที่จะเปลี่ยนสีของตัวแพดหนังมาให้มีลุคที่ดูคมเข้มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสีใหม่ที่ว่านี้ก็คือสี Black Silver นั่นเองครับ โดยในส่วนของรูปร่างหน้าตานั้นยังเหมือนกันกับในรุ่นเดิมทุกประการเลยล่ะครับ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องของการสวมใส่แต่อย่างใดครับ เพราะยังคงสวมใส่ได้สบาย ไม่หนักหัว และตัวฟองน้ำนั้นยังคงเป็นแบบ Hybrid ที่รอบนอกจะเป็นแพดหนัง ส่วนบริเวณที่สัมผัสกับรอบใบหูนั้นจะเป็นผ้าที่ช่วยระบายอากาศได้ดีเยี่ยม และไม่เปื่อยขาดง่ายเมื่อใช้ไปนาน ๆ ครับ

แม้ว่ารูปร่างหน้าตานั้นจะเหมือนเดิมทุกประการ แต่จะมีอยู่จุดหนึ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนนั่นก็คือ ช่องเสียบสายหูฟังครับ รอบที่แล้วทาง HIFIMAN ออกแบบช่องเสียบสายมาเพียงช่องเดียวอยู่ทางด้านซ้ายครับ แต่ครั้งนี้จะเป็นช่องหูฟังแบบแยกซ้ายขวาแบบ Dual 3.5mm TRS ครับส่วนช่องหูฟังทางด้านซ้ายนั้นจะยังคงใช้เชื่อมต่อกับ Bluemini อยู่เช่นเดิมครับเพราะในช่องนี้จะเป็น 3.5mm TRRS ฉะนั้นหากนำ Bluemini ไปเสียบที่ช่องหูฟังที่ด้านขวาเสียงจะออกแค่ข้างเดียว และถ้าหากท่านใดที่มี Deva ตัวก่อนอยู่แล้วสามารถนำสาย AUX อันเดิมมาเสียบที่ช่อง TRRS ด้านซ้ายเพื่อใช้งานได้เช่นกันครับ 

 ภายในของ Deva Pro นั้นยังคงใช้เป็นไดรเวอร์แบบ Planar Magnetic ที่ทาง HIFIMAN เชี่ยวชาญอยู่เหมือนเดิมครับ แต่ครั้งนี้มได้ใส่เทคโนโลยีอย่าง "Stealth Magnet" ที่จะทำหน้าที่ในการลดเสียงสะท้อนและส่งคลื่นเสียงออกมาสู่หูของผู้ฟังได้อย่างเต็มที่โดยไม่โดนรบกวนและไม่โดนกีดขวาง ส่งผลให้อิมเมจเสียงที่ได้ฟังนั้นมีความสมบูรณ์เป็นรูปเป็นร่างจนเด่นชัดมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

::: สรุป :::

โดยรวมของ Deva Pro นั้นต้องบอกเลยครับว่ายังคงเป็นหูฟังที่ให้น้ำเสียงที่เกินค่าตัวอยู่เช่นเดิม เสียงของรุ่นนี้จะเหมาะกับคนที่ฟังในรุ่นแรกแล้วรู้สึกเสียงบาง และ ใสเกินไป ให้มาทางรุ่น Pro ได้เลยครับ เพราะจะเป็นการปรับเสียงให้มีความอิ่มหนาขึ้น ปรับให้เสียงแหลมนั้นซอฟท์ลงจึงฟังได้สบายขึ้น และไม่รู้สึกขาดเบสอีกต่อไปครับ

 

แต่หากใครที่ยังชอบความสว่างสดใสของรุ่นเดิมอยู่นั้นอาจจะยังไม่ต้องขยับตามขึ้นมาครับ แต่ถ้าอยากได้เอาไว้ฟังสลับแนวกันล่ะก็สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องลังเลเพราะชื่อของ HIFIMAN นั้นการันตีคุณภาพอยู่แล้วล่ะครับ ท่านใดที่อยากลองสัมผัสน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์และให้รายละเอียดสูงในราคาเอื้อมถึงล่ะก็สามารถแวะเข้ามาทดลองฟังกันก่อนได้เลยครับผม ^^