Description
MIGRA: ผลิตภัณฑ์ลดไมเกรนกลุ่มวิตามินและแร่ธาตุ ในสัดส่วนตามคำแนะนำของโรคปวดศีรษะอเมริกา (American Headache Society) ที่ช่วยลดจำนวนวันปวดและความรุนแรงของไมเกรนเห็นประสิทธิภาพใน 2 สัปดาห์ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ปวดไมเกรนเรื้อรังตั้งแต่ 10 วันต่อเดือนขึ้นไป มีความรุนแรงของระดับไมเกรนสูง มีอาการร่วมคลื่นไส้ อาเจียนระหว่างปวดไมเกรน
ส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่
- Magnesium
- Riboflavin (B2)
- CoQ10
- สารสกัดจากขิง (Ginger Extract)
- สารสกัดจากเมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seed Extract)
คุณสมบัติของ Migra ช่วยให้
- ลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดไมเกรน
- ลดการใช้ยาแก้ปวดไมเกรน เพิ่มการตอบสนองต่อยาแก้ปวดมากขึ้น
- ลดความไวของสมองต่อสิ่งกระตุ้นไมเกรน
- ลดไมเกรนที่สัมพันธ์กับรอบเดือน
- ลดความเครียด วิตกกังวล คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น
- ผลข้างเคียงต่ำ ใช้ต่อเนื่องได้ในระยะยาว
- ใช้ได้ในสตรีมีครรภ์ และให้นมบุตร
- สามารถใช้ร่วมกับยาป้องกันไมเกรนชนิดอื่น ๆ ได้ ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง
- เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดการใช้ยาแก้ปวดที่จะส่งผลให้เกิดการติดยาแก้ปวดได้
คุณสมบัติของสารสำคัญตามงานวิจัยที่ช่วยลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรน
ผลิตภัณฑ์ลดไมเกรนกลุ่มวิตามินและแร่ธาตุ Migra Plus ประกอบไปด้วยสารสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ Magnesium, Riboflavin (B2), CoQ10 สารสกัดจากขิง (Ginger Extract) และสารสกัดจากเมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seed Extract) ในสัดส่วนอ้างอิงตามงานวิจัยและคำแนะนำของ โรคปวดศีรษะอเมริกา (American Headache Society) อันมีรายละเอียดดังนี้
🟡 Magnesium Oxide นำเข้าจากประเทศอเมริกา ให้ปริมาณแมกนีเซียมสูง
จากงานวิจัยที่ได้มีการศึกษาระดับแมกนีเซียมในสมองต่อการเกิดไมกรนกำเริบ พบว่า ผู้ป่วยไมเกรนนั้น จะมีระดับแมกนีเซียมในสมองต่ำกว่าระดับแมกนีเซียมของคนทั่วไป จึงเป็นเหตุผลที่ว่า เมื่อผู้ป่วยไมเกรนเจอสิ่งกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็น ความร้อน แสงแดด ความเครียด หรือประจำเดือน มักจะถูกระตุ้นได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
ดังนั้น อีกหนึ่งทางเลือกของการรักษาไมเกรน เพื่อลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรน คือ การทานแร่ธาตุกลุ่มแมกนีเซียมเสริมในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอ อ้างอิงกับผลการศึกษาในปี 2021 ที่ผู้ป่วยไมเกรนจำนวน 63 คน ทาน magnesium oxide ในปริมาณ 500 mg ต่อเนื่อง ระยะเวลา 8 สัปดาห์ ให้ประสิทธิภาพในการป้องกันไมเกรนเทียบเท่ากับการทานยาในกลุ่ม Valproate Sodium และไม่มีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการทานแมกนีเซียม (1) สอดคล้องกับการทบทวนผลการศึกษางานวิจัยกว่า 21 ฉบับ ที่ระบุว่าการได้รับแมกนีเซียมในปริมาณที่เหมาะสม สามารถทำให้บรรเทาอาการไมเกรนเฉียบพลันได้อย่างมีนัยสำคัญ (2)
⚪️ Ribloflavin (B2) นำเข้าจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์
เป็นกลุ่มวิตามินละลายน้ำ ถูกขับออกทางปัสสาวะ ไม่สะสมในร่างกาย โดยกลไกการทำงานของ B2 จะเข้าไปช่วยลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรน คือ จะเข้าไปปรับสมดุลระหว่างอนุมูลอิสระและสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ลดการอักเสบของหลอดเลือดเมื่อปวดหัวไมเกรนได้ สอดคล้องกับงานวิจัยที่ให้ผู้ป่วยไมเกรนทาน วิตามิน B2 ในปริมาณ 400 mg ติดต่อกัน 3 เดือน ที่ลดการเกิดไมเกรนได้อย่างมีนัยสำคัญ ไม่เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายในระยะยาวอีกด้วย (3)
🟡 CoQ10 เป็นสารอาหารธรรมชาติ ที่ช่วยสร้างพลังงานให้กับเซลล์ต่างๆในร่างกาย และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่ช่วยลดความเสื่อม ความเครียดของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ช่วยลดความรุนแรงระหว่างเกิดไมเกรนได้ โดยจากการศึกษาในผู้ใหญ่ที่เป็นไมเกรนจำนวน 20 คน ให้ทาน CoQ10 200 mg ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน พบว่า ความถี่ และอาการปวดไมเกรนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่มีรายงานผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น (4)
⚪️ สารสกัดจากขิง (Ginger Extract) ลดการอักเสบ บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ในไมเกรน
สำหรับสารสกัดจากขิงนั้น จะมีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องของการรักษาไมเกรนได้ใน 2 กรณี ได้แก่
- ป้องกันและบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ได้ไม่ว่าจะเป็นการเมารถ เมาเรือ หญิงตั้งครรภ์ที่แพ้ท้อง โดยจากการศึกษาในกรณีของหญิงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรกจำนวน 27 ราย พบว่า ขิงผงในขนาด 1 กรับต่อวันแบ่งให้วันละ 4 ครั้ง รับประทานติดกัน 4 วัน ให้ผลบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ดีกว่ายาหลอก
- บรรเทาอาการอักเสบ ซึ่งคุณสมบัตินี้จะช่วยให้ลดอาการปวดศีรษะของชาวไมเกรนได้ เนื่องจาก ฤทธิ์ของขิงจะเข้าไปลดกระบวนการอักเสบ ลดอาการปวดในร่างกาย ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน ที่ทำให้ปวดและอักเสบ โดยจากการศึกษาในผู้ป่วยไมเกรน 100 ราย เปรียบเทียบระหว่างการให้แคปซูลขิง 250 mg และยาแก้ปวดไมเกรนกลุ่ม sumatriptan 50 mg พบว่า กลุ่มที่ได้รับแคปซูลขิงมีอาการปวดไมเกรนลดลงกว่า 60 % ภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมงหลังทาน เทียบเท่ากับการทานยาแก้ปวดจำเพาะกับไมเกรน ซึ่งข้อดีของขิงดีกว่าตรงที่ไม่มีผลข้างเคียงหลังทาน
🟡 สารสกัดจากเมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seed Extract) ให้ปริมาณแมกนีเซียมสูง เสริมสร้างการป้องกันไมเกรน
โดยปกติแล้วเมล็ดฟักทองจะให้ปริมาณแร่ธาตุจำพวก แมกนีเซียม และสังกะสี แก่ร่างกายในปริมาณสูง ซึ่งส่งผลให้การทำงานของฮอร์โมนและเซลล์ต่างๆ ทำงานได้อย่างเหมาะสม ป้องกันการแพ้อาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน ควบคุมฮอร์โมนเกี่ยวกับเรื่องการตกไข่และรอบเดือน จึงทำให้ลดความถี่ของจำนวนวันปวดไมเกรน และที่สำคัญยังมีปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงที่จะช่วยลดการเกิดโรคได้
Reference :
(1) The efficacy of magnesium oxide and sodium valproate in prevention of migraine headache: a randomized, controlled, double-blind, crossover study (https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/30798472/)
(2) Effects of Intravenous and Oral Magnesium on Reducing Migraine: A Meta-analysis of Randomized Controlled Trials (https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/26752497/)
(3) Effect of Vitamin B2 supplementation on migraine prophylaxis: a systematic review and meta-analysis
(https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33779525/)
(4) Coenzyme Q-10 and migraine: a lovable relationship. The experience of a tertiary headache center
(https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4759090/https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4759090/)
ข้อแนะนำในการรับประทาน :
- ทานต่อเนื่องทุกวัน ครั้งละ 1 เม็ด 2 เวลา (เช้า - เย็น) โดยไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับมื้ออาหาร
- จะเริ่มเห็นประสิทธิภาพอย่างเต็มที่เมื่อทานต่อเนื่องติดกันตั้งแต่ 2 สัปดาห์ - 2 เดือนขึ้นไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของไมเกรน
- ตามมาตราฐานการรักษาโรคปวดศีรษะไมเกรน กลุ่มยาป้องกันไมเกรนต้องทานต่อเนื่องอย่างน้อย 3-6 เดือน
อย. 50-1-16657-5-0054