บองหลาไฟ
฿2,200

Description

บองหลาไฟ 

งูบองหลาศาสตร์ความเชื่อ

กับอภิมหาปรัชญาโบราณ


บองหลาไฟ คือพยนต์ที่มีความรุนแรง

ไม่แพ้พญานาค(เหมือนพญานาค คุมพิภพ)

อยู่ในรูปลักษณ์ของงูงูบองหลา

คืองูจงอางขนาดใหญ่

ของภาคใต้งูจงอางถือเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์

ที่มีวิวัฒนาการของการคงอยู่มาเป็นล้านปี

ก็คือเป็นสัตว์ตระกูลเลื้อยคลาน

แต่..ชุมชนชาวใต้โบราณก็คือ

ชุมชนชาวยาวีโบราณเขามี

กลุ่มชนบางกลุ่มที่มีความเชื่อว่าเชื้อสาย

มาจากงูบองหลามาจากพญางูใหญ่

เหมือนความเชื่อของชุมชนลุ่มน้ำโขง

ที่มีความเชื่อว่าตัวเองสืบเชื้อสาย

มาจากพญานาคหรือบูชาพญานาค


ชุมชนชาวใต้โบราณมีการใช้ภาษา

ท้องถิ่นที่เรียกว่า "ภาษายาวี"

มีภาษาเป็นของตัวเองมีตัวอักษร

มาจากการสืบเชื้อสายมาจากอาหรับ

และก็วิวัฒนาการมาเป็นภาษาท้องถิ่น

ตัวหนังสือท้องถิ่น ที่เรียกว่าชุมชน

ชาวยาวีโบราณดั้งเดิมชุมชนนี้

มีการนับถือบรรพบุรุษ ก็คือผีปู่ย่าตายายดั้งเดิม


เขามีความเชื่อว่าชนกลุ่มหนึ่งเขามี

ความเชื่อว่าตัวเขาเหล่านั้นสืบเชื้อสาย

มาจากพญางูใหญ่เพราะฉะนั้น..

การบูชาพญางูใหญ่เราก็จะเห็น

อยู่ตามชาวใต้โบราณ.


ย้อนกลับมา..

ขอย้อนมาให้ความรู้กับสมาชิก

อีกส่วนหนึ่ง ก็คือว่าในความเชื่อ

ของศาสาตร์ไทยก็มีจตุโลกบาล

ทางวิญญาณ ก็คือปู่เจ้่า เจ้าปู่

เจ้าพ่อที่คุมจตุรทิพทย์ทางโลก

วิญญาณมันก็สอดคล้องกับความเชื่อไทย

ด้วยส่วนหนึ่งซึ่งมาจากการเข้าวัด

หรือวิวัฒนาการความเชื่อเอามารวมกัน


ทางใต้..เขาจะนับถือพญางูใหญ่

(เกิดจากการตกผลึกในตัวอาจารย์แขก

ในการสอบถามกับครูบาอาจารย์ที่

อาจารย์แขกข้องใจในสมัยอดีต

จนอาจารย์แขกตกผลึกในความเชื่อ

ของตัวเองจากหลักฐานต่าง ๆ

จากหลักฐานวิชาคาถาจากความเชื่อ

จากการบูชาหรือแม้กระทั่ง

ขนบธรรมเนียมประเพณี)


ไทย..มีความเชื่อในจตุโลกบาล

ทางวิญญาณภาคเหนือ.

.มีปู่เจ้าคนหนึ่ง ชื่อมหาฤษีชื่อ

"ปู่เจ้าประภัสสร"คุมจตุโลกบาล

ทางวิญญาณตะวันออก.

มีปู่เจ้าเขาเขียว

(ก็คือพ่อของนางกวัก)ตะวันตก

มีพ่อปู่แสงเพชรทางใต้

.มีปู่เจ้าทับสมิงคาอยู่ในรูปลักษณ์

ของพญางูใหญ่จึงมาสอดคล้องกับ

ชุมชนชาวใต้โบราณที่ว่า

ตัวเองสืบเชื้อสายหรือมีกา

รเคารพนับถือผีบรรพบุรุษ

หรือผีปู่ย่าตายายที่มีในรูปลักษณ์ของ

"พญางูใหญ่"


ในสมัยอดีต พระพุทธศาสนา

ยังไม่รุ่งเรืองทางชุมชนชาวใต้

พวกกระเหรียง อีก้อที่มีการนับถือผีใต้

ก็มีการนับถือผี ก็คือ "ผีบรรพบุรุษ"

เห็นได้ชัด ก็พวก ครูหมอมโนราห์

พวกนี้มีการนับถือผีบรรพบุรุษตกทอดกันมา

ก็ยังจะเห็นการทรงมโนราห์

ณ ปัจจุบันก็ยังมีอยู่เนื่องจาก

เป็นความเชื่อหยั่งลึกมาอย่างยาวนาน

ส่วนความเชื่อในการบูชา

พญางูใหญ่ของชาวยาวีโบราณ

จากที่ถามครูบาอาจารย์ที่สืบทอดกันมา

เขาบอกว่ามีมานานมากก็คือมีมาตั้งแต่

ที่จับใจความได้ มีมาตั้งแต่สมัยยุคลังกาสุกะ

ก็คือ จังหวัดปัตตานีถูกเรียกว่า

เมืองลังกาสุกะปกครอง

โดยนางพญาก็คือเจ้าเมืองที่เป็นผู้หญิงถูกเรียกว่า

"นางพญา"


ในสมัยนั้น บรรพบุรุษอาจารย์แขก

โดยตรงทางฝั่งแม่ เขามีความเชื่อกันว่า

โต๊ะหรือทวด ในสมัยอดีตเป็นผู้หญิง

เหมือนกันเป็นราชครูให้ทางเจ้าเมือง

ลังกาสุกะในสมัยอดีตท่านชื่อ

"โต๊ะนิ" คือต้นตำหรับที่สืบทอด

ที่อาจารย์ค้นแบบลึกที่สุดและยังมีชื่อ

ที่ในตระกูลสืบเชื้อสายกันไว้

.

"โต๊ะนิ"ในสมัยอดีต

(จากการเล่าต่อ ๆ กันมาจากที่บ้าน)

เป็นคนที่เป็นราชครูให้เจ้าเมือง

ลังการสุกะในยุคโน้นเลยตัวท่าน

มีความชำนาญช่ำชองในเรื่องคุณไสย

อาถรรพ์ มนต์ดำความเหนือธรรมชาติทั้งหมด

ของชุมชนชาวยาวีสมัยก่อนจะ

ยกย่องท่านมาก.ตัวท่านเองท่าน

มีวิชาอยู่วิชาหนึ่งก็คือ

"วิชาพญางูใหญ่"ที่สืบทอดกันมา

ในตระกูลเรียกวิชา "บองหลาไฟ"

.

"บองหลาไฟ"ก็คือ

เป็นพญางูจงอางที่มีลำตัวใหญ่สีแดง

คนใต้เรียกงูจงอาง เรียกว่า "งูบอง"ยาว

หรือ ตัวใหญ่ เรียกว่า "หลา"สีแดง

เรียกว่า "ไฟ"งูจงอางลำตัวใหญ่สีแดง

ก็เลยเรียกว่ "บองหลาไฟ

.

.และมีชื่อในภาษายาวีว่า

"กุลาสะลอบี"(เป็นภาษายาวีโบราณ)

.

จากตำนานในอดีตบอกไว้ว่า

ที่เล่าสืบทอดในอดีตตัวท่าน มี

พยนต์

งูบองหลาตัวนี้มีพยนต์ที่เหมือนกับ

เป็นพญานาคตระกูลหนึ่งของความเชื่อไทย

ที่เหมือนกับเป็นบรรพบุรุษของ

ท่านแล้วมีฤทธิ์มากเมื่อไหร่ที่ท่านเดือดร้อน

ท่านก็จะอันเชิญบองหลาไฟ มาปกปักษ์

พิทักษ์รักษาเวลามีการบ มีสงคราม

ก็เลยทำให้ท่านเป็นที่เชื่อถือของนางพญาตานี

ในสมัยก่อนเป็นเรื่องที่สืบทอดกันมา

ตามต้นตำราความเชื่อของ "บองหลาไฟ"

.

ตัวอาจารย์แขก เข้าไปเกี่ยวพันธ์ยังไงกับ

"บองหลาไฟ"ต้องเท้าความว่า

ในสมัยนั้นอาจารย์แขกได้ตามแม่

(เป็นคนใต้)ในสมัยที่อาจารย์แขก

เรียนหนังสือได้ตามแม่ไปบ้านโต๊ะ

ก็คือ เป็นยายของแม่ชื่อว่า "โต๊ะบอมอ"

โต๊ะบอมอ เป็นชื่อแบบชาวบ้านเรียก

เป็นครูหมอบ้าน แต่ตัวของโต๊ะบอมอเอง

ท่านสืบเชื้อสายมาอีกที

เขาบอกว่าเมื่อสมัยอดีตคนที่เท้าความถึงได้

ก่อนที่จะมาเป็นโต๊ะมอมอแม่ของท่าน

เป็นราชครูให้เจ้าเมืองรามันรามัน

เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดยะลาสมัยก่อน

เมืองรามันเป็นเมืองที่ใหญ่รองลง

มาจากเมืองลังกาสุกะ หรือเมืองปัตตานี

เมืองรามันเป็นหัวเมืองเหมือนกัน


.

แม่ของยายเป็นราชครูให้เจ้าเมือง

ในสวานั้นวิชาความรู้ได้สืบทอดมา

ถึงโต๊ะและอาจารย์ได้รับฟังเรื่องนี้มา

จากแม่อาจารย์เองอาจารย์สนใจ

และได้ตั้งเป้าไว้ว่าอยากไปเจอโต๊ะ

พอไปถึงแม่ก็พาไปหาโต๊ะบอมอ

(อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)

.

อาจารย์ได้ไปอยู่กับโต๊ะ 2 วันโต๊ะพูดไทยได้

ยาวีได้ จีนได้แต่ส่วนใหญ่ท่านจะพูดยาวี

ท่านบอกว่า มีอะไรห้ามออกจามุ้งเด็ดขาด

ไม่ว่าจะเห็นหรือได้ยินอะไร ถ้าแกไม่เรียก

ด้วยความอยากรู้ ตามประสาเด็กสมัยก่อน

บ้านโต๊ะยังใช้ตะเกียงน้ำมัน

ไม่มีไฟท่านจะทำกิจวัตรประจำวันทางศาสนา

ของท่านไปอาจารย์แขกก็นอนอยู่ในมุ้งปกติ

.

สักพักท่านก็นั่งเอน โยกไปโยกมาสักพักมีเสียง

น้ำดังมาก หล่นลงมาทางภูเขาข้างหลังบ้าน

จนเป็นเสียงเหมือนรถสิบล้อความรู้สึกมันกระแทก

แต่มันไม่มีเสียงเครื่องยนต์บ้านสั่นทั้งหลัง

อาจารย์หันไปดูตะเกียงมันแกว่งตามแรงสะเทือน

.

โต๊ะพูดภาษายาวีโบราณ ว่า

"ลูกหลานมาอย่าไปทำอะไรให้กลัวนะ"

สักพักประตูก็พับไปพับมาและมีหัวงูดัน

และประตูเปิดงูตัวใหญ่มาก

เข้าประตูมาไม่ได้เพราะตัวใหญ่มาก

โต๊ะคุยภาษายาวีกับงูตัวนี้โต๊ะสวดเกือบ

ประมาณครึ่งชั่วโมงเหมือนพูดกับงู

แล้วงูก็เลื้อยออกไป.โต๊ะเดินมาที่มุ้ง

ถามว่าเห็นอะไรไหมอาจารย์พยักหน้า

แกก็ยิ้ม ๆนั่นแหละเป็นปู่ย่าตายาย

เป็นทวดและให้คาถามาเป็นภาษายาวี

เป็นคาถาที่ยาว แต่อาจารย์แขกจำได้

.

ถ้าเข้าป่ากลัวงู กลัวสัตว์มีพิษให้ท่องไปเลย

จะไม่โดนทำร้าย.เป็นครั้งแรกที่สืบทอด

มาจากโต๊ะบอมอ.แต่ความแปลกหลัง

จากที่ได้คาถามาไม่เคยกลัวงูเลย

งูถ้าดุยังไงก็แล้วแต่ถ้าว่าคาถาบทนี้

แล้วมองหน้ามัน มันจะหมอบราบลง

เหมือนเราเป็นเจ้านายมัน.จนกลับมาบ้าน

สมุทรปราการทิ้งช่วงไป 3 ปี

และกลับไปอีกทีรอบนี้โต๊ะสอน

สอนทำฮาซีมัสแกบอกมีวิชาโบราณ

ของชาวยาวีโบราณเครื่องรางค์ เรียกว่า

"ฮาซีมัส"อิสลามเรียนไม่ได้ ทำเรื่องนี้ไม่ได้

เพราะอิสลามยุ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ได้พระเจ้าไม่อนุญาต

ผิดกฏศาสนาอย่างรุนแรงนี่คือมูลเหตุ

ที่ท่านไม่สอนลูกหลาน.ด้วยอาจารย์แขก

มีเชื้อสายท่านอยู่ท่านบอกอย่างอาจารย์แขก

ไม่ผิดที่จะเรียนเวลาเขาบอซอ

เป็นช่วงที่พระจันทร์อ่อนตัวลงถ้าถือได้ให้ถือศีลอด

บำเพ็ญเพียรไป วิชาจะแข็งแรงขึ้นในปีนั้น

ไม่ได้วิชาทำบองหลาไฟ.ทิ้งช่วงมา 10 ปี

ได้มีเวลาไปหาโต๊ะจึงได้วิชาบองหลาไฟ

ก่อนท่านเสีย 3 ปีท่านบอกว่า มีเวลา 3 ปี

จะเอาอะไร ให้ขอเลยอาจารย์บอกว่า

อยากให้อะไรก็ให้มาละกันท่านก็เลย..

ให้วิชา "บองหลาไฟ".ตัวท่านเป็นราชครู

เจ้าเมืองทางฝั่งเจ้าเมืองกาลันตัน

มาเลเซียคนเรียกท่านว่า "ดาโต๊ะฮารีเมา"

เป็นราชครูให้เจ้า.วิชาบองหลาไฟ..

คุณวิเศษของวิชานี้ เป็น "พยนต์"

ที่รุนแรงมากรุนแรงถึงขั้นว่า

ควายธนู วัวธนู ยังแพ้.บองหลาไฟ..

มันเป็นวิชาพยนต์ที่ดึงจิตวิญญาณของงู

เข้าไปอยู่ข้างใน(ก็คือจิตวิญญาณของทวดงู

เข้าไปอยู่ข้างใน).ทวดงู หรือบองหลาไฟ

นอกจากเป็นพยนต์ในการป้องกันตัว

ยังเป็นพยนต์ที่เฝ้าทรัพย์พิทักษ์เงิน

.

ตำรานิยายหรือเรื่องเล่าของชาวใต้ทุกที่

ที่ไหนมีทรัพย์ ที่นั่้นมีงูรักษาเขามีความเชื่อ

ว่างูเป็นเทพที่เฝ้าทรัพย์สมบัติของชุมชน

ชาวใต้มาตลอดแม้กระทั่ง..สงฆ์ชั้นสูง

ของชุมชนชาวใต้อย่างหลวงปู่ทวด

ท่านก็ได้แก้วตาของงูบองงูบองหลา

มาคายแก้วเขาจะผูกพันธ์กับงูบอง

มาตลอดชุมชนโบราณมีเทพพิทักษ์รักษา

ก็คือปู่เจ้าทับสมิงคา ที่ในความเชื่อ

ของไทยแต่..ถ้าเป็นของชาวยาวี

ก็กุลาสะลอบี คือบองหลาไฟที่ตัวใหญ่มาก

หรือพญางูใหญ่สีแดง.

.

การทำไม่ใช่ชาวบ้านใครก็ทำได้มัน

ต้องมีการสืบเชื้อสายบรรพบุรุษมีการเซ่น

มีการบวงสรวงมีการเชิญจิตวิญญาณ

ในการที่จะเอาจิตวิญญาณใส่ลงไปในวัตถุ

ที่เป็นรูปลักษณ์(เป็นวิชาที่ตกทอดรุ่นสู่รุ่น).

.

วิชานี้เป็นวิชาที่มีความรุนแรงมาก

พระอริยสงฆ์ที่เดินทาง ทางใต้หลาย ๆ รูป

ก็จะมีประวัติที่เหมือนกับโดนลอง

ด้วยความต่างศาสนาชุมชนชาวยาวีโบราณ

ลองส่งคุณไสยหรือส่งอาถรรพ์โดยการ

ปล่อยงูบองหลาไฟ.แต่พยนต์ที่พวกนั้น

ปล่อยเป็นวิชาชนิดหนึ่งโดยการเอางูบองเป็น ๆ

เขาจะมีกรรมวิธี คือ เอาไข่งูจงอาง

มาโยนใส่ในกองไฟ และแม่งูจะมาคาบไข่

ในกองไฟพอมันเข้าไปมันก็ตาย ก็เอาชื่อว่า

งูบองหลาไฟแต่มันไม่ใช่วิชาของอาจารย์

.

มีพระรูปหนึ่งมีวิชาบองหลาไฟ

อยู่ทางสงขลาท่านบอกมีตำราบองหลาไฟ

1 เอาไข่โยนใส่ไฟ

2ไปจับงูมาและมีวิชาปิดปากงู


มันจะอ้าปากไม่ได้ใช้วิชางับปากงู เขียนยันต์

ใส่ในปาก และเอามันไปเผายังไงก็ต้อง

เอาไปเผา แต่ลักษณะนั้นเป็นการสร้าง

เวรกรรมมันสู้วิชาในตระกูลเราไม่ได้

.

วิชาในตระกูลเรารุนแรงกว่าเยอะ

งูที่อาจารย์เห็นตอนเด็ก ๆ

เป็นงูที่อยู่บนภูเขาสามัคคี ข้างบนเป็น

เทวลัยของพราหมณ์งูตัวนี้อยู่บนภูเขารูปนี้

(ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่)

.

โต๊ะบอกว่า..การทำงูตัวนี้เกิดจากอะไรทั้งหมด

ก็เอามวลสารพวกนี้มาทำและทำต้อง

ทำยังไง ท่านบอกวิธีการทำมาหมด

และเวลาจะปลุกเสกให้มีชีวิตก็มีวิธีการทำ

.ไม่เสกพิธีทางพุทธ เป็นวิชาเหมือน

หน้าพานบุญพานมโนราห์แต่พานมโนราห์

อาจารย์แขกถูกห้ามคนที่สอนโนรราชทุ่งบัว

ทวดสั่้งห้ามว่า"ไอ้หนู พานบุญแรง

เป็นวิชาบรรพบุรุษปู่ย่าตายาย

เอาไว้ช่วยคนนะ อย่าไปหาเงิน"

อาจารย์จึงไม่กล้าทำหน้าพานจำหน่าย

วิชาพานบุญ คนแรกที่ทำ

คืออาจารย์แขกออกในนามพ่อท่านเขียว

วัดห้วยเงาะ

.

วัตถุมงคลวันนี้เป็นเหมือนบรรพบุรุษ

แต่รูปร่างไม่เหมือนกัน

แต่ท่านอนุญาติให้ทำ.ครั้งแรก..ที่ได้ที่กาญจนบุรี

อาจารย์ไม่รู้จะเอาอะไรพิทักษ์รักษาอาจารย์

จึงมีความตั้งใจเอาไว้บูชาไว้ที่เขามะตูมโดย

เอาเนื้อหามวลสารตามตำราทั้งหมดที่โต๊ะสอนปั้นขึ้นมา

ปั้นทีละองค์เลยทาสีดำทั้งองค์ แต่ด้วยความ

สวยงามเกล็ดเป็นสีแดงให้เหมือนตำราโบราณ

ลายข้างล่างเป็นลายผ้าของพวกยาวีโบราณ

มีก้อนเงินก้อนทอง มีไข่เพื่อดูแลรักษา

เราดูแลรักษาทรัพย์ทำอันใหญ่ขึ้นมา

มีหลายคนถามไม่มีองค์เล็ก ๆ

ให้พกหรือ.อาจารย์แขกถามไปอีกที

ท่านบอกจะทำก็ทำท่านไม่ว่า

แต่มีข้อแม้ว่าให้ทำจำนวนเท่าที่ออกรอบนี้

ถ้ารอบนี้หมด จะไม่ให้ทำ.บองหลาไฟ

ของอาจารย์จะมีรุนเดียว.

.

บองหลาไฟ.

พกสูง พกต่ำได้ตัวเล็ก ๆ

ไว้ที่บ้านได้พิทักษ์ทรัพย์ ไว้ในเก๊ะได้ป้องกันภัย

ถ้าฝั่งตรงข้ามปล่อยคุณไสยฝั่งตรงข้ามถึงตาย.

ไม่ว่าจะเป็นวัวธนู ความธนู

หรือพยนต์ไม่มีการชนะบองหลาไฟได้

รับประกัน

.

คนที่เบี้ยวตังค์เรา

เอาไปวางทับชื่อมันจะร้อนรงจนอยู่ไม่ได้


ที่สำคัญ.เป็นพยนต์ ที่พกติดตัว

และกันเรื่องร้ายได้ต่าง ๆคนเล่นภูติผีปีศาจ

กุมารทองรับประกัน บองหลาไฟ เอาอยู่


เจิมหยางลงไปเพราะว่าจะได้เสริมพลังงานดาวไฟ

เพื่อไปใช้ในการเสริมดวง แก้ดวงได้.

เป็นเนื้อนวโลหะมหาชนวนเนื้อเดียวกับขุนช้าง

เอาเนื้อดีที่สุดมาทำทำให้กลวง

เพื่อความคงทนเอาผงที่ทำเนื้อว่านเนื้อผงอุดเข้าไป.

ถ้ามีสวน แล้วเอาบองหลาไฟไปบูชาจะเรียก

บริวารมาไหมมักจะมา หรือบอกเขาว่าเราไม่ชอบแต่

คนที่เข้ามาจะขโมย จะเห็นงูเยอะ.

.

ดียังไง..

คนเกิดปีมะเส็งควรพกคน

ที่ต้องการธาตุไฟแต่คนไม่ชอบไฟพกได้

ข้อดี ของบองหลาไฟเป็นวิชาที่สาบสูญไปแล้ว

ไม่มีคาถา แต่ถ้าเป็นตัวใหญ่ ต้องมีคาถาบูชา

แต่ที่เห็นสมัยตอนอยู่รือเสาะใคร

จะทำอะไรจะไปตั้งศาลเพียงตาบอกจะซื้อบ้านจะแต่งงาน

จะทำอะไรก็บอกให้ท่านช่วย.วัวหาย ขึ้นไปภูเขาหาไม่เจอ

ก็ไปบวงศรวงวัวก็เดินกลับมาเด็กขึ้นเขาหาย

ไปบวงศรวงบอกเด็กบอกว่ามีงูแผ่แม่เบี้ย

เหมือนบอกทางเดินกลับมาบ้านได้.

ถ้าแถบรือเสาะ ทำอะไรไม่ได้ก็จะขอ

บอกกล่าว


บูชาพร้อมเลี่ยม 2,200 บาท

แบบเลี่ยมแถมแหนบห้อยพระให้ด้วยค่ะ

.

โน้ตยินดีให้บริการคะ089-4620910