Description
หอยสังข์
-----------------------------------
"หอยสังข์" (สังข์เวียนขวา)
"หอยสังข์" หรือ "มหาสังข์"
สังข์ สัญลักษณ์แห่งความเป็นมงคลชั้นสูง
ที่สามารถเสริม หรือหนุนนำชะตาชีวิตให้ถึงที่สุดได้
.
สังข์ ถ้าเป็นหอยสังข์จริงๆ เขาเรียกเป็น"ขอน"(ตัว)
น้ำสังข์ เป็นน้ำที่เป็นมหามงคลที่สุด
น้ำสังข์ ประทานความเจริญ ร่มเย็นที่สุดในวิชาสายพราหมณ์
สังข์ ถ้าเป็นเครื่องประดับ ในสมัยอดีตจะอยู่สำหรับกษัตริย์
หรือเจ้าขุนมูลนายสูงๆ เท่านั้น
.
หอยสังข์ เป็นวัตถุมงคลที่อาจารย์แขก
พกติดตัวมานานมากเป็นของมงคลชั้นสูง
ในวิชาสายพราหมณ์ ก็คือ "แหวน"
ที่อยู่ในกรุพระเครื่อง เจอที่กาญจนบุรี
เป็นเมืองทราวดี มีอายุเป็น 1000 ปี
.
อาจารย์แขกสวมแหวนทองคำ
เป็นสังข์ทักษิณาวรรต (สังข์เวียนขวา)
ตัวแหวนสมบูรณ์ ตั้งแต่อาจารย์แขก
ใส่มาทุกอย่างในชีวิตดีขึ้น จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจ
ทำวัตถุมงคลหอยสังข์ให้สมาชิก
ลูกศิษย์ และผู้ที่สนใจ
ได้นำมาใช้พกติดตัวกัน
.
ชนวนมวลสารที่ใช้ทำ "หอยสังข์"
คือ สังข์สัมฤทธิ์เก่าที่อาจารย์แขก
มีเป็นสังข์ 1,000 ปี ยุคทวารวดี
ลงนะโม พุทธายะ และลงหัวใจสังข์ 5 ตัว
นำทั้งหมดมาหลอมรวมกัน
สังข์ชุดที่ทำจะมีมวลสารมาจากสังข์มงคล
.
มีเติมเข้าไป คือ มีแหวนสังข์ทองและแหวนสังข์เงิน
ที่ได้จากกรุเก่า อาจารย์แขกเจียออกมาเก็บไว้
เพื่อนำมาเป็นชนวนทองและเงินผสมกับเนื้อสัมฤทธิ์
ให้เป็นเนื้อเมฆสิทธิ์
.
พุทธคุณของ "หอยสังข์"
ลักษณะหอยสังข์องค์เล็ก เด็กแรกเกิดพกได้
สามารถทำเป็นจี้ใส่คอ จี้ใส่ข้อมือ
ทำเป็นแหวนสวมนิ้วมือ หรือทำเป็นต่างหูสวยงาม
นำพกติดตัว
เพื่อเพิ่มความเป็นมงคลให้ชีวิตตลอดเวลา
.
เนื้อเมฆสิทธิ์ ดีในเรื่องหนุนดวง เสริมดวง กลับดวง
.
ที่สำคัญ สังข์สัมฤทธิ์ในสมัยอดีต
ท้ายจะไม่มีรูเหมือนสังข์เป่า
เพราะเมื่อไหร่ที่มีเสียง
เสียงจากสังข์คือความเป็นมงคลชั้นสูง
แค่พูดก็เหมือนสังข์เป่า ทุกอย่างทำตามเคล็ด
ถูกต้องตามตำราทั้งหมด
.
หอยสังข์ เป็นวัตถุมงคลเวทย์ชั้นสูงของพราหมณ์
เสกมาตั้งแต่สมัยโบราณ เสกมาอย่างดี
ทำมานาน เสกถ้ำนาคา เสกทุกพิธี ทุกที่
.
พกสูง พกต่ำได้ ไม่มีคาถา
.
วิชาสร้าง "สังข์" อาจารย์แขกเรียน
จากอาจารย์พราหมณ์จินดา
พราหมณ์มีวิชา "สร้างสังข์สัมฤทธิ์"
สังข์สัมฤทธิ์ มีมาตั้งแต่สมัยขอม
แต่ "ห้าม" เป็นสังข์เวียนขวา
เพราะ "สังข์เวียนขวา" สามารถทำให้
ชีวิตคนๆ นั้น ไปถึงที่สุดแห่งชีวิต
ให้สามารถเป็นใหญ่เป็นโตได้
และสังข์สัมฤทธิ์ "ห้าม" มีเส้นริ้ว ๆ
ก็คือรอยนิ้วมือของพระนารายณ์
เพราะในสมัยก่อนเขาเชื่อว่า
"สังข์" ครั้งหนึ่งได้กลืนพระเวท
เข้าไปในตัวทั้งหมด และพระนารายณ์
ล้วงพระเวทออกมา จากปากหอยสังข์
จึงเกิดเป็นรอยนิ้วมือของพระนารายณ์
(คล้ายๆ ฟันที่อยู่ตัวหอยสังข์)
เขาเชื่อว่าสังข์ที่มีรอยนิ้วมือ
คือสังข์ที่กลืนพระเวทเข้าไปแล้ว
จึงมีฤทธิ์ในตัวเองสูง
.
กฎข้อสำคัญ > ของการทำสังข์สัมฤทธิ์
มีกฎว่า "ห้ามมีเส้นริ้วๆ"
และห้ามใส่พระเวทลงไป
หากไปเจอคนทำสังข์สัมฤทธิ์แล้วมีเส้นริ้ว ๆ
ตามความเชื่อ คือรอยนิ้วมือพระนารายณ์
ถ้าพกอันตราย ถึงขั้นวิบัติ มันจะกลืนชีวิตเราไป
---------------------------------
บูชาขอนละ 1,000 บาท
แบบเลี่ยม 1,200 บาท
---------------------------------
เล่าความ
เรื่องแหวนหอยสังข์
ที่ท่านอาจารย์แขกพกติดตัวตลอดเวลา
เป็นแหวนที่อยู่ในกรุพระเครื่อง เจอที่กาญจนบุรี
เมืองทวารวดี มีอายุนับเป็น 1,000 ปี
ซึ่งในกรุมี 2 วงศ์
มีแหวนทองคำ 1 วงศ์ แหวนเงิน 1 วงศ์
.
วันที่อาจารย์แขกได้แหวน
ฝันว่าพระนารายณ์มาในรูปลักษณ์ของพระกาฬลพบุรี
ท่านมา 2 แขน อาจารย์แขกรู้ทันทีว่าเป็นพระนารายณ์
ท่านบอกจะให้ของดี ท่านโยนให้ เป็นสังข์ทักษิณาวรรต
(เวียนขวา) เมื่อสะดุ้งตื่น เกือบเที่ยง
มีเพื่อนโทรมาว่าเจอกรุพระแตก มีพระหลายองค์
และมีแหวน 2 วงศ์ อาจารย์แขกจึงได้ขอให้ส่งรูปให้ดู
ซึ่งแหวนเหมือนกับที่ฝันเมื่อคืน จึงได้ขอซื้อ
ครั้งแรกได้วงทองคำมาก่อน ในราคาหลายล้านบาท
อีกประมาณ 1 ปี พระนารายณ์มาเข้าฝันอีก
พระนารายณ์โยนแหวนมาให้ เป็นสีเหลืองทอง
เป็นขาวมุข อาจารย์แขกสะดุ้งตื่น โทรไปหาเพื่อนคนเดิม
ที่ขุดเจอแหวนเมื่อปีที่แล้ว และได้ขอซื้ออีก 1 วงศ์
แหวนทั้ง 2 วงศ์ จึงอยู่ที่อาจารย์แขกทั้งคู่
-----------------------------------
ความรู้เรื่อง "หอยสังข์" จากท่านอาจารย์แขก
>"สังข์ทักษิณาวรรต" หอยสังข์เวียนขวาล้ำค่า <
-----------------------------------
"สังข์" ปกติจะมีความเป็นมงคล แต่สังข์ที่มีความ
เป็นมงคลสูงสุดคือ "สังข์ที่เวียนขวา"
"สังทักษิณาวรรต"
เป็นสังข์ที่รับพลังงานโลกอย่างรุนแรงที่สุด
.
"สังข์" ทุกการสร้างเมือง ก่อร่างสร้างเมือง
เขาจะเอาสังข์ทักษิณาวรรต
ฝังไว้ที่สะดือเมือง (เสาหลักเมือง)
ที่เป็นเมืองสำคัญในสมัยก่อน แม้กระทั่งการตั้งเมือง
เขาจะเลือกชัยภูมิที่เป็นหอยสังข์
เมืองหรืออาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด
ชัยภูมิคือรูปลักษณ์ของผังเมืองต้องเป็นรูป "หอยสังข์"
.
เมื่อ 1,700 ปีที่แล้ว
ทางเหนือ อาณาจักรหริภุญชัย
จุดศูนย์กลางคือ เมืองลำปาง
ผังเมืองเป็นรูปสังข์ทักษิณาวรรต (สังข์ที่เวียนขวา)
ทางใต้ อาณาจักรศรีวิชัย
มีนครศรีธรรมราช ก็เป็นรูปหอยสังข์
ภาคกลาง ทวาราวดี อาณาจักรฟูนัน
มีเหรียญเป็นรูปหอยสังข์ (ธรรดา)
.
อาณาจักรยิ่งใหญ่ของประเทศไทยคือ อาณาจักรอยุธยา
สมัยอยุธยา ตัวเมืองเป็นรูปหอยสังข์
เมื่อย้ายมาอยู่ฝั่งธน ชัยภูมิฝั่งธนเป็นรูปหอยสังข์
แต่ไม่มีสายน้ำไหลผ่าน
.
ในสมัยนั้นอาเหล่ากง (บรรพบุรุษของอาจารย์แขก)
สั่งขุดคลองหน้าวัดระฆังให้เปรียบเสมือนเป็นปากสังข์
(ใช้ชุมชนชาวจีนขุดในสมัยนั้น) ให้สร้างชัยภูมิหอยสังข์
เพราะฉะนั้นกรุงธนบุรี หรือปัจจุบันกรุงรัตนโกสินทร์
จะมีอายุหลายร้อยปีและยังอยู่ไปอีกนานเท่านาน
ทุกการก่อสร้างเมืองใหญ่ ๆ จะไม่ขาดสังข์
หรือใช้ชัยภูมิสังข์เป็นจุดเริ่มต้น เพราะเขาเชื่อว่า
"สังข์" เป็นของมงคลสูงสุด
.
"กวนเกษียรสมุทร" ก็คือยักษ์กับเทพ
ดีกับชั่วมารวมกัน ร่วมมือกันสร้าง
ของที่เป็นมงคลจึงได้ "สังข์" ออกมา
สังข์นี้พระนารายณ์ได้ไป เพราะฉะนั้น
ของที่เป็นมงคลที่สุด คือ "มหาสังข์"
เป็นของที่สูงมาก
ตามความเชื่อของไสวนิกาย คือ พราหมณ์
ปัจจุบันพราหมณ์กับพุทธอยู่ด้วยกัน
เนื่องจากพระพุทธเจ้ารูปที่ 4 พระโคตมโคดม
ก็มาจากพราหมณ์
.
กษัตริย์ในประเทศไทยเปรียบเสมือนสมมติเทพ
(เปรียบเสมือนพระนารายณ์ ศาสนาพราหมณ์)
เพราะฉะนั้นพิธีมงคลทั้งหมดจะไม่ขาด "สังข์"
.
ในสมัยยุคทวารวดี คือศรีวิชัย หริภุญชัย
มีเป็นกฎมนเทียรบาลออกมาว่า
"ประชาชนธรรมดาไม่สามารถมีสังข์ทักษิณาวรรต" ได้
เขาเชื่อว่าคนที่มีสังข์ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ โชติช่วงถึงขั้นเป็นกษัตริย์ได้
แม้กระทั่งเจ้าขุน มูลนายต่าง ๆ สัญลักษณ์รูปสังข์ก็ห้ามใช้
เพราะสามารถหนุนนำวาสนา บารมี ให้เกิดขึ้นได้
กฏนี้มีการห้ามมาจนถึงรัชกาลที่ 6 เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน
กฎการห้ามจึงได้ค่อย ๆ หายไป