หอยสังข์
฿1,200

Description

หอยสังข์

-----------------------------------

"หอยสังข์" (สังข์เวียนขวา)

"หอยสังข์" หรือ "มหาสังข์"

สังข์ สัญลักษณ์แห่งความเป็นมงคลชั้นสูง

ที่สามารถเสริม หรือหนุนนำชะตาชีวิตให้ถึงที่สุดได้

.

สังข์ ถ้าเป็นหอยสังข์จริงๆ เขาเรียกเป็น"ขอน"(ตัว)

น้ำสังข์ เป็นน้ำที่เป็นมหามงคลที่สุด

น้ำสังข์ ประทานความเจริญ ร่มเย็นที่สุดในวิชาสายพราหมณ์

สังข์ ถ้าเป็นเครื่องประดับ ในสมัยอดีตจะอยู่สำหรับกษัตริย์

หรือเจ้าขุนมูลนายสูงๆ เท่านั้น

.

หอยสังข์ เป็นวัตถุมงคลที่อาจารย์แขก

พกติดตัวมานานมากเป็นของมงคลชั้นสูง

ในวิชาสายพราหมณ์ ก็คือ "แหวน"

ที่อยู่ในกรุพระเครื่อง เจอที่กาญจนบุรี

เป็นเมืองทราวดี มีอายุเป็น 1000 ปี

.

อาจารย์แขกสวมแหวนทองคำ

เป็นสังข์ทักษิณาวรรต (สังข์เวียนขวา)

ตัวแหวนสมบูรณ์ ตั้งแต่อาจารย์แขก

ใส่มาทุกอย่างในชีวิตดีขึ้น จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจ

ทำวัตถุมงคลหอยสังข์ให้สมาชิก

ลูกศิษย์ และผู้ที่สนใจ

ได้นำมาใช้พกติดตัวกัน

.

ชนวนมวลสารที่ใช้ทำ "หอยสังข์"

คือ สังข์สัมฤทธิ์เก่าที่อาจารย์แขก

มีเป็นสังข์ 1,000 ปี ยุคทวารวดี

ลงนะโม พุทธายะ และลงหัวใจสังข์ 5 ตัว

นำทั้งหมดมาหลอมรวมกัน

สังข์ชุดที่ทำจะมีมวลสารมาจากสังข์มงคล

.

มีเติมเข้าไป คือ มีแหวนสังข์ทองและแหวนสังข์เงิน

ที่ได้จากกรุเก่า อาจารย์แขกเจียออกมาเก็บไว้

เพื่อนำมาเป็นชนวนทองและเงินผสมกับเนื้อสัมฤทธิ์

ให้เป็นเนื้อเมฆสิทธิ์

.

พุทธคุณของ "หอยสังข์"

ลักษณะหอยสังข์องค์เล็ก เด็กแรกเกิดพกได้

สามารถทำเป็นจี้ใส่คอ จี้ใส่ข้อมือ

ทำเป็นแหวนสวมนิ้วมือ หรือทำเป็นต่างหูสวยงาม

นำพกติดตัว

เพื่อเพิ่มความเป็นมงคลให้ชีวิตตลอดเวลา

.

เนื้อเมฆสิทธิ์ ดีในเรื่องหนุนดวง เสริมดวง กลับดวง

.

ที่สำคัญ สังข์สัมฤทธิ์ในสมัยอดีต

ท้ายจะไม่มีรูเหมือนสังข์เป่า

เพราะเมื่อไหร่ที่มีเสียง

เสียงจากสังข์คือความเป็นมงคลชั้นสูง

แค่พูดก็เหมือนสังข์เป่า ทุกอย่างทำตามเคล็ด

ถูกต้องตามตำราทั้งหมด

.

หอยสังข์ เป็นวัตถุมงคลเวทย์ชั้นสูงของพราหมณ์

เสกมาตั้งแต่สมัยโบราณ เสกมาอย่างดี

ทำมานาน เสกถ้ำนาคา เสกทุกพิธี ทุกที่

.

พกสูง พกต่ำได้ ไม่มีคาถา

.

วิชาสร้าง "สังข์" อาจารย์แขกเรียน

จากอาจารย์พราหมณ์จินดา

พราหมณ์มีวิชา "สร้างสังข์สัมฤทธิ์"

สังข์สัมฤทธิ์ มีมาตั้งแต่สมัยขอม

แต่ "ห้าม" เป็นสังข์เวียนขวา

เพราะ "สังข์เวียนขวา" สามารถทำให้

ชีวิตคนๆ นั้น ไปถึงที่สุดแห่งชีวิต

ให้สามารถเป็นใหญ่เป็นโตได้

และสังข์สัมฤทธิ์ "ห้าม" มีเส้นริ้ว ๆ

ก็คือรอยนิ้วมือของพระนารายณ์

เพราะในสมัยก่อนเขาเชื่อว่า

"สังข์" ครั้งหนึ่งได้กลืนพระเวท

เข้าไปในตัวทั้งหมด และพระนารายณ์

ล้วงพระเวทออกมา จากปากหอยสังข์

จึงเกิดเป็นรอยนิ้วมือของพระนารายณ์

(คล้ายๆ ฟันที่อยู่ตัวหอยสังข์)

เขาเชื่อว่าสังข์ที่มีรอยนิ้วมือ

คือสังข์ที่กลืนพระเวทเข้าไปแล้ว

จึงมีฤทธิ์ในตัวเองสูง

.

กฎข้อสำคัญ > ของการทำสังข์สัมฤทธิ์

มีกฎว่า "ห้ามมีเส้นริ้วๆ"

และห้ามใส่พระเวทลงไป

หากไปเจอคนทำสังข์สัมฤทธิ์แล้วมีเส้นริ้ว ๆ

ตามความเชื่อ คือรอยนิ้วมือพระนารายณ์

ถ้าพกอันตราย ถึงขั้นวิบัติ มันจะกลืนชีวิตเราไป

---------------------------------

บูชาขอนละ 1,000 บาท

แบบเลี่ยม 1,200 บาท

---------------------------------

เล่าความ

เรื่องแหวนหอยสังข์

ที่ท่านอาจารย์แขกพกติดตัวตลอดเวลา

เป็นแหวนที่อยู่ในกรุพระเครื่อง เจอที่กาญจนบุรี

เมืองทวารวดี มีอายุนับเป็น 1,000 ปี

ซึ่งในกรุมี 2 วงศ์

มีแหวนทองคำ 1 วงศ์ แหวนเงิน 1 วงศ์

.

วันที่อาจารย์แขกได้แหวน

ฝันว่าพระนารายณ์มาในรูปลักษณ์ของพระกาฬลพบุรี

ท่านมา 2 แขน อาจารย์แขกรู้ทันทีว่าเป็นพระนารายณ์

ท่านบอกจะให้ของดี ท่านโยนให้ เป็นสังข์ทักษิณาวรรต

(เวียนขวา) เมื่อสะดุ้งตื่น เกือบเที่ยง

มีเพื่อนโทรมาว่าเจอกรุพระแตก มีพระหลายองค์

และมีแหวน 2 วงศ์ อาจารย์แขกจึงได้ขอให้ส่งรูปให้ดู

ซึ่งแหวนเหมือนกับที่ฝันเมื่อคืน จึงได้ขอซื้อ

ครั้งแรกได้วงทองคำมาก่อน ในราคาหลายล้านบาท

อีกประมาณ 1 ปี พระนารายณ์มาเข้าฝันอีก

พระนารายณ์โยนแหวนมาให้ เป็นสีเหลืองทอง

เป็นขาวมุข อาจารย์แขกสะดุ้งตื่น โทรไปหาเพื่อนคนเดิม

ที่ขุดเจอแหวนเมื่อปีที่แล้ว และได้ขอซื้ออีก 1 วงศ์

แหวนทั้ง 2 วงศ์ จึงอยู่ที่อาจารย์แขกทั้งคู่

-----------------------------------

ความรู้เรื่อง "หอยสังข์" จากท่านอาจารย์แขก

>"สังข์ทักษิณาวรรต" หอยสังข์เวียนขวาล้ำค่า <

-----------------------------------

"สังข์" ปกติจะมีความเป็นมงคล แต่สังข์ที่มีความ

เป็นมงคลสูงสุดคือ "สังข์ที่เวียนขวา"

"สังทักษิณาวรรต"

เป็นสังข์ที่รับพลังงานโลกอย่างรุนแรงที่สุด

.

"สังข์" ทุกการสร้างเมือง ก่อร่างสร้างเมือง

เขาจะเอาสังข์ทักษิณาวรรต

ฝังไว้ที่สะดือเมือง (เสาหลักเมือง)

ที่เป็นเมืองสำคัญในสมัยก่อน แม้กระทั่งการตั้งเมือง

เขาจะเลือกชัยภูมิที่เป็นหอยสังข์

เมืองหรืออาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด

ชัยภูมิคือรูปลักษณ์ของผังเมืองต้องเป็นรูป "หอยสังข์"

.

เมื่อ 1,700 ปีที่แล้ว

ทางเหนือ อาณาจักรหริภุญชัย

จุดศูนย์กลางคือ เมืองลำปาง

ผังเมืองเป็นรูปสังข์ทักษิณาวรรต (สังข์ที่เวียนขวา)

ทางใต้ อาณาจักรศรีวิชัย

มีนครศรีธรรมราช ก็เป็นรูปหอยสังข์

ภาคกลาง ทวาราวดี อาณาจักรฟูนัน

มีเหรียญเป็นรูปหอยสังข์ (ธรรดา)

.

อาณาจักรยิ่งใหญ่ของประเทศไทยคือ อาณาจักรอยุธยา

สมัยอยุธยา ตัวเมืองเป็นรูปหอยสังข์

เมื่อย้ายมาอยู่ฝั่งธน ชัยภูมิฝั่งธนเป็นรูปหอยสังข์

แต่ไม่มีสายน้ำไหลผ่าน

.

ในสมัยนั้นอาเหล่ากง (บรรพบุรุษของอาจารย์แขก)

สั่งขุดคลองหน้าวัดระฆังให้เปรียบเสมือนเป็นปากสังข์

(ใช้ชุมชนชาวจีนขุดในสมัยนั้น) ให้สร้างชัยภูมิหอยสังข์

เพราะฉะนั้นกรุงธนบุรี หรือปัจจุบันกรุงรัตนโกสินทร์

จะมีอายุหลายร้อยปีและยังอยู่ไปอีกนานเท่านาน

ทุกการก่อสร้างเมืองใหญ่ ๆ จะไม่ขาดสังข์

หรือใช้ชัยภูมิสังข์เป็นจุดเริ่มต้น เพราะเขาเชื่อว่า

"สังข์" เป็นของมงคลสูงสุด

.

"กวนเกษียรสมุทร" ก็คือยักษ์กับเทพ

ดีกับชั่วมารวมกัน ร่วมมือกันสร้าง

ของที่เป็นมงคลจึงได้ "สังข์" ออกมา

สังข์นี้พระนารายณ์ได้ไป เพราะฉะนั้น

ของที่เป็นมงคลที่สุด คือ "มหาสังข์"

เป็นของที่สูงมาก

ตามความเชื่อของไสวนิกาย คือ พราหมณ์

ปัจจุบันพราหมณ์กับพุทธอยู่ด้วยกัน

เนื่องจากพระพุทธเจ้ารูปที่ 4 พระโคตมโคดม

ก็มาจากพราหมณ์

.

กษัตริย์ในประเทศไทยเปรียบเสมือนสมมติเทพ

(เปรียบเสมือนพระนารายณ์ ศาสนาพราหมณ์)

เพราะฉะนั้นพิธีมงคลทั้งหมดจะไม่ขาด "สังข์"

.

ในสมัยยุคทวารวดี คือศรีวิชัย หริภุญชัย

มีเป็นกฎมนเทียรบาลออกมาว่า

"ประชาชนธรรมดาไม่สามารถมีสังข์ทักษิณาวรรต" ได้

เขาเชื่อว่าคนที่มีสังข์ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ โชติช่วงถึงขั้นเป็นกษัตริย์ได้

แม้กระทั่งเจ้าขุน มูลนายต่าง ๆ สัญลักษณ์รูปสังข์ก็ห้ามใช้

เพราะสามารถหนุนนำวาสนา บารมี ให้เกิดขึ้นได้

กฏนี้มีการห้ามมาจนถึงรัชกาลที่ 6 เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน

กฎการห้ามจึงได้ค่อย ๆ หายไป