เบี้ยวา
฿1,400

Description

เบี้ยวา

.

เบี้ยวา

สุดยอดตำนานแห่งเหรียญบิน

แห่งชาวชวากะ

ชาวชวากะเป็นชาวที่อยู่ล่างสุด

ของแหลมมาลายู

ปัจจุบันอยูแถบอินโดนิเซีย

เพราะอินโดมีสถานที่บุโรพุทโธ

เป็นที่เกี่ยวกับศาสนา

มหาบุโรพุทโธยังตั้งอยู่กลางเส้นศูนย์สูตร

ตัวบุโรพุทโธเองไม่มีเงา

เพราะว่าดวงอาทิตย์ส่องตรงกลาง

มหาปราสาทอยู่ตลอดเวลา

ไม่มีตะวันเอียงซ้ายเอียงขวาเพื่อทอดเงา

เป็นวิชาความรู้ของพวกชาวชวากะ

เป็นสูตรการสร้างที่เชื่อมโยงฟ้ากับดิน

คนกับมนุษย์ เทพกับมหาเทพ

บุโรพุทโธ เป็นจุดเชื่อมมนุษย์กับเทพ

มหาบุโรพุทโธจึงเป็นที่ฝังศพ

ของกษัตริย์ในยุคชวา

ก็คืออาณาจักรศรีวิชัย

เป็นที่ฝังศพของพระมหากษัตริย์

ทุกรุ่นทุกเผ่าทุกชนชั้น

ของชาวชวากะโบราณ

.

เหรียญเบี้ยวา

ตามตำนานที่ขุดค้นกันมา

และเป็นตำนานเป็นรุ่นสู่รุ่น

เบี้ยวาเป็นตัวแทนเหมือน

ตราประจำตัวของกษัตริย์ที่

เปรียบเป็นสมุติเทพให้กับราชทูต

ไปเผยแพร่เป็นธรรมทูต

ธรรมทูตก็คือไปเผยแพร่พระธรรม

เป็นราชทูตก็คือไปเจรจาต่อรอง

เป็นคนที่ไปเจรจาเมืองต่อเมือง

เมื่อไปเป็นตัวแทน

กษัตริย์จะให้เหรียญนี้ไปเป็นตัวแทน

(เปรียบเสมือนคนถือเหรียญนี้

เป็นตัวแทนกษัตริย์)

.

วิธีการสร้างเบี้ยวา

ไม่ใช่ใครคิดจะทำก็ทำ

เพราะมีการสร้างที่ซับซ้อน

ฝังภูมิปัญญาความเชื่อของศาสนาพราหมณ์

ฝังภูมิปัญญาความเชื่อของศาสนาฮินดู

และยังฝังภูมิปัญญาความเชื่อของศาสนาพุทธ

.

ตำนานเบี้ยวา

จะได้ยินคนเฒ่าคนแก่

ทางภาคใต้หรือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับชวา

บอกว่า “เบี้ยวาบินได้”

บินไปบินมาได้ระหว่างเขาสองลูก

เบี้ยวาบินข้ามเขาได้

เป็นทั้งตำนานและเรื่องจริง

บูรพาจารย์หลายคน

พยายามเรียนวิชาเรียกเบี้ยวา

เพื่อเอาเบี้ยวามาเป็นบริวาร

เพราะเบี้ยวามีชีวิต

เขาเชื่อว่าเกจิคณาจารย์

หรือเกจิอาจารย์หรืออาจารย์ฆมังเวช

ที่เป็นฆราวาสทั้งหลาย

ถ้ามีเบี้ยวาในการครอบครอง

จะเหนือกว่าทุกคน

ด้วยพุทธคุณของเบี้ยวา

เพราะเบี้ยวาเป็นเหรียญที่บินได้

จึงเป็นตำนานเหรียญบินของชาวชวากะ

.

เบี้ยวาจะมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย

ถ้ารู้ว่าตรงนี้มีตัวผู้

ต้องเอาตัวเมียไปต่อ (ไม่ล่อมา)

ต้องมีคาถาอาคมเรียกมา

ไม่ใช่จะมาแล้วมาได้เลย

.

ข้างในเป็นตัวแทนของมหาเทพผู้สร้าง

แต่ภูมิปัญญาของศาสตร์และศิล

ที่ฝังอยู่ในเหรียญ

ด้วยเหรียญนี้เป็นเหรียญโบราณ

มีระยะเวลาเป็นพันปี

.

รูปทรงรูปลักษณ์เป็นศิลปะ

ยุคศรีวิชัย อายุประมาณ

1,700 ปี เนื้อชิน

.

ประวัติการสร้างของเหรียญเก่า

กษัตริย์จะให้กูรู (คือผู้ที่มีความรู้)

สมัยก่อนคนโบราณเขาเรียก “กูรู”

ให้กูรูเป็นคนรวบรวมสรรพวิชา

ความรู้พร้อมกับมหาพราหมณ์

ก็คือต้องเป็นทั้ง ฮินดู พราหมณ์

พุทธ มาเชื่อมกัน

ใช้สรรพวิชาที่เรียนรู้ที่เกี่ยวกับ

การเล่นแร่แปรธาตุ

มาสร้างเหรียญเบี้ยวาขึ้นมา

เอาไว้ใช้ป้องกันตัว

ให้กับคนที่เป็นทูตหรือราชทูตไปเจรจา

ต้องเป็นเหรียญที่เกี่ยวกับการป้องกัน

และเป็นเหรียญที่เกี่ยวกับ

การทำลายล้าง (ต่อสู้)

เป็นเหรียญที่เกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์

เป็นเหรียญที่เกี่ยวกับโชคลาภ

เป็นเหรียญที่อำนวยความสะดวก

(เหมือนใบเบิกทาง) เป็นเหรียญที่

สามารถพกไปทำให้ผู้อื่นลุ่มหลงได้

เป็นเหรียญที่นำความสำเร็จมาสู่ผู้พบ

เป็นเหรียญที่สร้างบริวารให้กับ

ผู้ที่พกเหรียญ เป็นเหรียญที่สร้าง

ความเป็นมงคลให้แก่ผู้ครอบครอง

(เป็นเหรียญครอบจักรวาลก็ว่าได้)

เพราะเป็นเหรียญมหาผู้สร้าง

.

สมัยก่อนจะไม่แขวนคอ

ศาสนาพราหมณ์จะไม่เอาอะไรขึ้นคอ

จะเอาเหรียญเหน็บเอว

มาในยุคอาจารย์แขก

เหรียญนี้สร้างโดยภูมิปัญญา 100 %

วิธีพก จะเอามาเหน็บเอว

แขวนคอ หรือพกก็ได้

.

เหรียญนี้จากที่อาจารย์สืบค้น

ค้นคว้าหาความรู้มา

จากที่เรียนมาจากอาจารย์หลาย ๆ ท่าน

ตามประวัติมีการสร้าง 2 ครั้ง

ครั้งแรกคือที่บุโรพุทโธ คือชาวชวากะ

ยุคศรีวิชัย มีอายุประมาณ 1,700 ปี เป็นเนื้อชิน

(เหมือนชินวัชรธาตุของอาจารย์)

ครั้งที่สอง สร้างที่เมืองลังกาสุกะ จ.ปัตตานี

ประมาณ 700 – 800 ปี เป็นเนื้อสัมฤทธิ์

(ที่อาจารย์เรียกว่าเนื้อนวะ)

โดยนางพญาตานีให้

กูรูพร้อมกับมหาพราหมณ์พร้อมกับพระสงฆ์

พร้อมกับผู้นำทางศาสนาโต๊ะครู

และโต๊ะอิหม่ามของศาสนาอิสลาม

ร่วมกันสร้าง สมัยนั้นยุคโลหะพัฒนา

ไปสู่ยุคสัมฤทธิ์ เขาเลยเอาของที่มีค่า

ในยุคนั้น คือเนื้อสัมฤทธิ์สร้าง

มาเป็นเหรียญเบี้ยวา

(ที่ยืนยันหลักฐานได้มี 2 ครั้ง)

.

เหรียญเบี้ยวาตัวจริง

ราคาเหรียญเป็นร้อยล้าน

ของชาวชวากะ (ไม่มีทางได้เห็น)

ส่วนของทางลังกาสุกะมีราคาเหรียญ

ไม่ต่ำกว่าล้านบาท (หายากมาก)

เพราะเหรียญเบี้ยวาจะไม่มีใครทำเล่น ๆ

1 เป็นของสูงของศาสนาพราหม์

ฮินดู พุทธ และอิสลาม

ในเหรียญมีสัญลักษณ์

ของศาสนาอิสลามที่นับถือ

.

ตามตำนานเหรียญนี้

บูรพาจารย์ที่สอนสืบทอดกันมาบอกว่า

เหรียญนี้เกิดมาจากคนที่มีอำนาจ

สูงสุดในยุคสมัยศรีวิชัย

เป็นคนกำหนดและสร้างขึ้นมา

โดยกูรู 4 คน สร้างมหาเทพขึ้นมา

สู่ในรูปเคารพของการพก

พาครั้งแรกก็คือ “เหรียญเบี้ยวา”

.

สมัยนั้นชาวโบราณเขามีการอบรม

เขาจะไม่เรียกปลุกเสก

ก็คือเป็นการรวบรวมความรู้

อบรม ปลุกเสก ลงไปอยู่เป็นระยะเวลานาน

เหรียญนี้จึงมีพุทธคุณ คือ “บินได้”

.

เบี้ยวาของอาจารย์แขก

เป็นวิชาการสืบทอดเบี้ยวา

ตามตำราโบราณทุกกระเบียดนิ้ว

สืบทอดมาตั้งแต่สมัยชาวชวากะ

ตำราเล่มนี้เป็นตำราที่เอาหนังคน

วิธีการบันทึกของคัมภีร์พระเวชพราหมณ์

เขาจะมีการบันทึกอยู่ 3 ลักษณะ

คัมภีร์ชั้นสูงคนที่สำเร็จจะอุทิศ

หนังของตัวเองก่อนเผา

ให้ลอกออกมาแล้วไปทำ

กรรมวิธีการย้อม (เหมือนสมุดดำ)

และใช้วิธีการบันทึกด้วยการ

กีดลงไปแล้วก็ย้อมสี

เขาเรียกตำราพวกนี้ว่าตำราหนังมนุษย์

แต่ต้องบันทึกเฉพาะของสูงเท่านั้น

.

เป็นการสืบทอดมาหลายชั่วอายุคนมาก

จนตกทอดมาถึงอาจารย์แขก

และอาจารย์แขกได้ทำการสร้างขึ้นมา

เพราะเหรียญนี้ต้องรวบรวม

สรรพวิชาความรู้ของทั้ง 4 สาย

ซึ่งโดยทั่วไปคนจะเรียนแค่สายเดียว

.

เบี้ยวารุ่นนี้ของอาจารย์แขก เป็นรุ่นที่ 3

ที่ทำการสร้างอย่างถูกต้องที่สุด

.

เหรียญเบี้ยวาที่อาจารย์แขกสร้าง

ความหมายของเหรียญ รูปลักษณ์ รูปทรง

องค์เทพที่เอามาใส่

เป็นองค์เทพเดียวกันกับสมัยชวากะยุคแรก

โดยละเอียดทั้งหมด

แต่ศิลปะในสมัยก่อนโบราณองค์เทพ

จะถูกวาดแบบไม่รู้เรื่อง

.

แต่อาจารย์แขกได้ถอดรูปทรง

ขององค์มหาเทพ

มาในรูปแบบของชวาโบราณ

มาสืบทอด ณ ปัจจุบัน

จะเห็นได้จากหนังตะลุงของชวาโบราณ

ที่เอาองค์มหาเทพสร้างเป็นหนังตะลุง

อาจารย์จึงเอารูปตัวหนัง

ตะลุงตัวแทนองค์มหาเทพ

มาทำเป็นเหรียญ ซึ่งสวยมาก เป็นเหรียญหล่อ

.

รุ่นนี้อาจารย์สร้าง 4 เนื้อ 4 วรรณะ

.

เบี้ยวา

เปิดตำนานเหรียญบิน

ด้วยพุทธคุณและพุทธศิลป์

ปลุกเสกมามากกว่าสิบพิธี

สุดยอดทั้งมวลสาร

และพิธีการสร้างแบบโบราณเบี้ยวา

.

.

.

.

.

.

ความหมายด้านหน้าและ

ด้านหลังของเหรียญเบี้ยวา

.

ด้านหน้า

ด้านหน้าของด้านบน

เป็นรูปพระพิฆเนศ แต่เป็นศิลปะของชวา

สมัยก่อนชาวชวาเรียก

พระพิฆเนศว่า “ท้าวพันตา”

จะเห็นว่ามีลักษณะเหมือนตาอยู่บนหัวเยอะมาก

ก็เปรียบเหมือนเขาเรียกท้าวพันตา เป็นเทพ

ที่สอดส่องสารทุกข์ สุขดิบ เป็นเทพที่อยู่เหนือ

กว่าเทพทั้งมวล เขาเชื่อว่าพระพิฆเนศถ้าเกิด

ผู้หนึ่งผู้ใดที่ทำการในเรื่องต่าง ๆ ทุกเรื่อง

ที่เกี่ยวกับพราหมณ์และพุทธ

ถ้าขาดการบูชาสรรเสริญพระพิฆเนศก่อน

เขาเชื่อว่าการนั้นจะไม่สำเร็จ

พระพิฆเนศถูกยกย่องให้เป็นครูแห่งช่าง

ครูแห่งศิลปะศาสตร์ ครูแห่งความสำเร็จ

ในเบี้ยวา ตามตำนานของชาวชวากะโบราณ

คือในยุคนั้นศาสนาพราหมณ์เนืองอำนาจ

เทพผู้สูงสุดของพราหมณ์ก็คือพระพิฆเนศ

พระพิฆเนศได้ถูกอันเชิญมาในเหรียญเบี้ยวา

ก็คือเหรียญชวา หรือที่เรารู้จักคือ

“เหรียญดวงตาอาถรรพ์”

.

พระพิฆเนศท่านมีพาหนะเป็น “หนู”

ถ้าเมื่อไหร่ขาดหนูท่านจะอารมณ์ไม่ดี

และหนูยังเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์

หนูในสมัย 1,700 กว่าปี ที่บันทึกในตำรา

เป็นหนูที่กินสัตว์มีชีวิต ไม่กินพืช

จะกินแมลงในนาข้าว

ในสมัยก่อนหนูนอกจาก

เป็นพาหนะของพระพิฆเนศ

หนูยังเป็นเทพแห่งผู้ทำลายล้าง

ศัตรูเพื่อความอุดมสมบูรณ์ในนาข้าว

.

เพราะฉะนั้นบูรพาจารย์สมัยโบราณ

เขาจึงเอาหนูขึ้นมาอยู่บนเหรียญ

เบี้ยวา เพราะที่ไหนมีหนูที่นั่นมีนาข้าว

ที่ไหนมีนาข้าวที่นั้นอุดมสมบูรณ์

.

เพราะฉะนั้น พระพิฆเนศ

และหนูสมัยโบราณจะถูกแทน

ความอุดมสมบูรณ์และ

เทพแห่งพืชพรรณธัญหาร

ในเบี้ยวาด้านหน้า ชาวชวาโบราณ

จึงเอาพระพิฆเนศไว้บนเพราะท่าน

เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์

และเป็นท้าวพันตาที่สอดส่องความ

ตกทุกข์ได้ยากของมนุษย์ และ

เป็นเทพที่อยู่เหนือการบูชาของ

ทุกมหาเทพ ไม่ว่าจะเป็นการบูชา

มหาเทพอะไร ต้องบูชาพระพิฆเนศก่อน

.

และในเหรียญเบี้ยวา

ยังมีสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ก็คือ 4 เหลี่ยม

(รูตรงกลาง) เปรียบเสมือน

เป็นตัวเชื่อม เป็นทวีปทั้ง 4

ตามภูมิปัญญาโบราณว่า

ทวีปมีทั้งหมด 4 ทวีป

แม่น้ำมีทั้งหมด 4 สาย เป็นทั้งสะดือทะเล

สะดือสมุทร สะดือเขา และสะดือทวีป

การวางของเหรียญ

จะแบ่งออกเป็นเป็นสี่มุม

เหนือ บน ซ้าย ขวา (4 มุม)

ก็เปรียบเสมือน 4 ทวีป 4 สมุทร

4 เหลี่ยมตรงกลางก็

เปรียบเสมือนเป็นสะดือทะเล

และเป็นจุดศูนย์กลาง

ของ ฟ้า ดิน และทะเล

.

รูตรงกลางของเหรียญ

บ่งบอกถึงอาณาจักรที่อยู่แห่งของเหรียญ

ก็คือ ชวา อยู่เหมือนเป็นจุดศูนย์รวม

ของอาณาจักรทั้ง 4 ทวีป

และก็มหาสมุทรทั้ง 4 สาย

ก็คือชวาแผ่อิทธิพลออกไป

.

ด้านหน้ามีมหาเทพอยู่ 3 องค์

พระพิฆเนศอยู่บน

และจะมีมหาเทพอยู่ซ้ายขวา

คือพระศิวะ เทพแห่งผู้สร้าง

เป็นบิดาของพระพิฆเนศ

และพระแม่อุมา

ก็คือมารดาของพระพิฆเนศ

.

บูรพาจารย์โบราณต้อง

ทำให้ได้เห็นผลจริง

โดยการที่พกเหรียญเบี้ยวา

ก็ขอพรจากองค์พระศิวะได้

โดยไม่ต้องถือศีลและเอาไว้ใช้

ในยามขับขันได้จริง

(พระศิวะคือ1ใน 5 ของมหาเทพ)

ถ้าเราบูชาเบี้ยวาเหมือนบูชามหาเทพทั้ง 5

.

ถ้าเราพบภัยพิบัติหรือ

ต้องการความสำเร็จในค่ำคืน

เราก็ขอในเหรียญเบี้ยวา

จากองค์พระศิวะโดยตรงได้

โดยการรำลึกนึกและขอพร

โดย ไม่มีคาถาใด ๆ

เพราะฉะนั้นพระศิวะคือ 1 ใน 5

ของเหรียญเบี้ยวา

พระศิวะนอกจากเป็นเทพ

แห่งผู้ประทานพรแล้ว

ท่านยังเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์

เพราท่านมีบริวารคือ

พระแม่คงคาอยู่บนเศียร

สรรพสิ่งทุกสิ่งในโลกขาดน้ำไม่ได้

และท่านยังเป็นเจ้าแห่งภูติ

และเจ้าแห่งรัตติกาล

.

พระจันทร์

ที่เป็นสัญลักษณ์ด้านหน้า

ในเหรียญเบี้ยวา

คือทุกสรรพสิ่งในโลกเรา

จะเห็นว่าพระจันทร์มีผลกับมนุษย์มาก

ในการกำหนดข้างขึ้น ข้างแรม

เป็นตัวที่ทำให้พลังงานมนุษย์

เปลี่ยนแปลงในรอบครบ 15 วัน

ก็คือการเกิด ข้างขึ้นข้างแรม

พระจันทร์เป็นตัวแทนแห่งความเมตตา

เป็นตัวแทนแห่งการเดินทาง

เพราะสมัยโบราณจะดูพระจันทร์

ในการดูทิศเป็นหลัก

เมื่อไหร่ที่ชีวิตเราไร้ซึ่ง

จุดหมายแห่งการกำหนด

ให้เราพกเหรียญเบี้ยวา

แล้วมองไม่ที่พระจันทร์

และขอพรกับพระจันทร์ขอ

ให้เราได้ทิศทางในการดำเนินชีวิต

.

ด้านหลัง

มีเทพ 2 องค์อยู่ เทพผู้หญิงคือพระลักษมี

พระลักษมี เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์

เป็นเทพเกี่ยวกับเมตตามหานิยม

เช่น ถ้าเราเป็นคนไม่มีคู่

ก็เกิดจากความอุดมสมบูรณ์

ในตัวเราไม่มีก็ขอกับพระลักษมีได้

การที่เราจะทำการค้า

การค้าไม่ราบรื่น ขอกับพระลักษมีได้

.

การขอพรกับเทพเทวา

ที่อยู่ในเหรียญเบี้ยวาได้โดยตรง

.

ใต้เหรียญเบี้ยวาจะมีช้าง

เพราะพระลักษมีมีช้างเป็นบริวาร

ถ้ามีพระลักษมีที่ไหนมีช้าง

อยู่ที่นั้นจะมีความอุดมสมบูรณ์

และความเป็นใหญ่เป็นโต เกิดขึ้น

.

ดาว

ดาวเป็นเครื่องประดับของพระลักษมี

เปรียบเสมือนกับเมตตามหานิยม

อยู่กับเรา อยู่กับคนที่พกอยู่ตลอดเวลา

.

เทวีแห่งโชคลาภ คือพระลักษมี

พระแม่อุมาเทวี

หรือสิ่งที่เกี่ยวกับผู้หญิงทั้งหมด

ก็จะส่งผล 100 %


เนื้อนวะโลหะ

มหาชนวนแก่ทองคำ

แบบเลี่ยม 1,400 บาท