Francis Kurkdjian

เลือกใช้ดอกกุหลาบ 2 สายพันธุ์ คือ Damask Rose (กุหลาบมอญ) และ Centifolia Rose (Rose de Mai) โดยในช่วงต้น เราจะได้เจอกับ Damask Rose ที่ให้โทนกลิ่นฟรุตตี้แบบลิ้นจี่ ผสมกับกลิ่นซีตรัสจากส้มและมะกรูด เป็นกุหลาบที่สดชื่น มีความแหลมพุ่งเล็กน้อย ทำให้กลิ่นมีความเด่นขึ้นมา ในช่วงกลาง สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นดอกไม้ขาวแซมอยู่ ซึ่งน่าจะกลิ่นของดอกแมกโนเลีย และในช่วงท้ายจะเปลี่ยนเป็นกลิ่นกุหลาบอีกสายพันธุ์คือ Centifolia ที่มาผสมกับ

กลิ่นมัสก์ ให้กลิ่นที่นุ่มนวลและสะอาดติดอยู่บนผิว ต่างจากกุหลาบมอญในช่วงต้น ซึ่งนี่ก็ถือเป็นความพิเศษของ A La Rose ที่สามารถทำให้แยกกลิ่นกุหลาบ 2 สายพันธุ์ ให้เราได้สัมผัสในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แทนที่จะผสมรวมกันไปพร้อมกัน

โดยรวม A La Rose ให้กลิ่นกุหลาบตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งจะมาในโทนสดชื่น กลิ่นจะมาชัดกระจายตัวดีในช่วงต้น และจะลดระดับลงมาเป็นกลิ่นแบบบางซักหน่อย ทำให้เป็นกลิ่นที่เป็นธรรมชาติสูง สบายจมูก และไม่ชวนปวดหัวเลย ตัวกลิ่นยังมีความหรูหรา สวยงาม แต่จะไม่กระจายตัวมากนัก เป็นกลิ่นที่อยู่ในระยะรอบๆตัว คนที่ชอบน้ำหอมฟุ้งๆอาจจะไม่ถึงใจเท่าไหร่ แต่รับรองในความสวยงามของกลิ่นแน่นอนครับ

ภาพของคนที่ใช้กลิ่นนี้ ก็คงจะเหมือนกับเดินไปพร้อมกับกุหลาบแข่งกันบานส่งกลิ่นรอบตัวตลอดทาง ตามติดตัวไปทุกที่ เฉกเช่นเดียวกับคนรักกุหลาบอย่างพระนางมารีอ็องตัวเนตต์ที่ต้องมีดอกไม้รายล้อมตลอดเวลา

Gender : Women

Concentration: EDP

Release : 2014

Perfumer : Francis Kurkdjian

Top Notes : Calabrian Bergamot, California Orange

Middle Notes: Bulgarian Rose, Grasse Rose, Violet, Magnolia

Base Notes: Cedar, Musk