Description
ผลิตภัณฑ์สำหรับฟาร์มเกษตร ซีอาร์วัน ไคติเนส คือการพัฒนาไคติน-ไคโตซาน ด้วยกระบวนการไฮโดรไลซ์ ที่มีคุณสมบัติป้องกันแมลงปากกัด ปากดูด เช่นเพลี้ย ไร แมลงรบกวน ช่วยให้พืชแข็งแรง เป็นตัวช่วยเคลือบผิวใบ ไล่ความชื้นที่เป็นสาเหตุของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา มีกลิ่นเฉพาะตัวที่แมลงปากกัดปากดูดไม่ชอบ ควรใช้ ทุกๆ 3-7 วัน
วิธีการใช้
พืชผัก 20-40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น
พืชสวน 40-60 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น
พืชไร่ 40-80 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น
วิธีการใช้เคลือบเม็ดปุ๋ย ใช้ 100 ซีซี เทราดเป็นรูปก้นหอด ต่อ ปุ๋ย 10 ก.ก. คลุกเคล้าพักไว้พอแห้ง
วิธีใช้ผสมน้ำราดโคนต้นพืช ใช้ 100 ซีซี ผสมน้ำ 10 ลิตร เท-ราดที่บริเวณทรงพุ่ม
ไคโตซาน จากธรรมชาติ 100%
ไม่มีสารพิษ ปลอดภัยต่อผู้ใช้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ซีอาร์-วัน ไคติเนส คุณสมบัติช่วงแก้ไขปัญหาโรคพืช เชื้อรา แมลงรบกวนต้นพืช
วิธีการใช้
พืชผัก 10-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 3 วัน
พืชสวน 20-40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน
พืชไร่ 40-60 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 15 วัน
ไม้ดอกไม้ประดับ 10-20 ซีซี ต่อน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน
ใช้เคลือบเม็ดปุ๋ย 200 ซีซี ต่อปุ๋ย 30-50 ก.ก.
ช่วยให้ประหยัดปุ๋ยได้50%
ผสมน้ำฉีดพ่น 10-30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น
การผลิตไคติเนสของเชื้อราที่ทนอุณหภูมิสูง
โดยวิธีการหมักในสภาพอาหารแข็ง
ปัจจุบันวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรกรรมและ
อุตสาหกรรมมีเพิ่มมากขึ้น และมีการนำมาใช้
ประโยชน์เพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งเศษกุ้งที่จาก
อุตสาหกรรมกุ้งแช่แข็งมีจำนวนมาก แนวทางหนึ่ง
ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้คือการนำมาผลิตไคตินและไคโตซานโดยมีไคติเนสเป็นเอนไซม์ย่อยสลายไคติน ซึ่งไค
ตินเป็นสารโพลิเมอร์ซิ่วภาพที่มีปริมาณมากรองจาก
เซลลูโลสและสามารถแยกได้จากเปลือกสัตว์มี
ปล้องเช่น กุ้ง ปู
แกนปลาหมึก หรือเปลือกตัวไหม เป็นต้น
สำหรับเอนไซม์ไคติเนส เป็นเอนไซม์ที่สามารถ
ย่อยสลายไคติน การศึกษาเพื่อหาจุลินทรีย์ที่
สามารถย่อยสลายไคตินได้จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่
สามารถนำมาใช้เพิ่มมูลค่าเปลือกกุ้งซึ่งเป็นเศษ
เหลือทิ้ง
จากอุตสาหกรรมการผลิตก็ที่เป็นสินค้าหลักของ
ประเทศได้อีกทางหนึ่ง
ดังนั้นการศึกษานี้จึงคัดเลือกเชื้อราที่ทนอุณหภูมิ
สูงและสามารถผลิตไคติเนสได้บนอาหารแข็งที่มี
เปลือกกุ้งหรือกระดองปูร่วมกับ lactic acid
bacteria (LAB) และคัดเลือกวัสดุเหลือทิ้งทาง
อาหารหรือการเกษตรนำมาผสมในระบบเพื่อให้ได้ผลผลิตไค
ติเนสสูงสุด และเป็นการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือทิ้ง
ลดปริมาณขยะ พร้อมทั้งสภาวะที่เหมาะสมต่อการ
ผลิตไคติเนส ขั้นตอนการศึกษาเริ่มจากเก็บตัวอย่างดิน จากน้ำพุร้อนจากเชียงใหม่ ชายหาดจันทบุรี ระยอง
ชลบุรีนำมาคัดเลือกเชื้อราต่าง ๆ คัดเลือกเชื้อราที่
สามารถผลิตไคติเนสในอาหาร Enzyme
production
meduim (EPM) แล้วทดสอบความสามารถในการ
ผลิตไคติเนสในอาหารแข็งที่มีเปลือกกุ้งบด
เปรียบเทียบกระดองปูบด
หลังจากนั้นศึกษาสภาวะที่เหมาะสมต่อการผลิตไค
ติเนสของเชื้อราไอโซเลท SP 6 โดยเพาะเลี้ยง
เชื้อราไอโซเลท SP 6 ตามสภาวะที่เหมาะสม ใน
อาหารแข็งเปลือกกุ้งสกัดผสมวัตถุดิบทางการ
เกษตรอื่นๆ
เช่น ฟางข้าวโดยไม่เติม อาหารพื้นฐาน หลังจาก
นั้นนำมาสกัด crude enzyme เพื่อศึกษาปัจจัยที่มี
ผลต่อการ
ทำงานของเอนไซม์
จากการแยกเชื้อราที่สามารถใช้ colloidal chitin
เป็นแหล่งคาร์บอนจากตัวอย่างดิน สามารถแยก
ได้