สตอเบอรรี่ ฟรีซดราย ขนาด 100 กรัม
฿125฿175 -29%
Quantity/ 100 items available
1

An Image

Bedd Coffee

Go to shop


Description

สตอเบอร์รี่ ฟรีซดราย เกรด A  แนะนำแกะซองแล้ว ควบเก็บในตู้เย็น เพื่อคงความกรอบ หอม อร่อย


เปรี่ยวๆ หวานๆ กรอบ อบใหม่ ทุกวัน ส่งตรงจากโรงงาน ทุกวัน


สั่งยกโล ได้ราคาส่ง ทักแชตได้เลยค่ะ



8 ประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รี่ 

สตรอว์เบอร์รี่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน และอาจช่วยป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น

1. อุดมไปด้วยสารอาหาร

สตรอว์เบอร์รี่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักกว่า 90 เปอร์เซนต์ โดยสตรอว์เบอร์รี่ 100 กรัม ให้พลังงาน 32 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 7 กรัม โปรตีน 0.6 กรัม และไขมันเพียง 0.3 กรัม คาร์โบไฮเดรตส่วนใหญ่ในสตรอว์เบอร์รี่ได้จากใยอาหาร (Fiber) 2 กรัม และน้ำตาล เช่น กลูโคส และฟรุกโตส แต่เป็นผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) เพียง 40 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ

นอกจากนี้ สตรอว์เบอร์รี่มีวิตามินซีสูง และเป็นแหล่งของโฟเลต โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส และฟอสฟอรัส รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เช่น แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) โปรไซยานิดิน (Procyanidin) และแอลลาจิกแทนนิน (Ellagitannins) อีกด้วย

2. บำรุงหัวใจ

การรับประทานสตรอว์เบอร์รี่ช่วยในการทำงานของหัวใจ ช่วยลดการอักเสบ และช่วยในการทำงานของหลอดเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และการเสียชีวิตได้ เนื่องจากสตรอว์เบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซี และโฟเลต ซึ่งช่วยในการทำงานของหัวใจ สตรอว์เบอร์รี่ถือเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

สตรอว์เบอร์รี่มีใยอาหารสูง การรับประทานเป็นประจำอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งหากสะสมในร่างกายมาก อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ อีกทั้งสารฟลาโวนอยด์ และโพแทสเซียมในสตรอว์เบอร์รี่ยังช่วยลดระดับความดันโลหิตได้อีกด้วย 

3. รักษาระดับน้ำตาลในเลือด

ค่าดัชนีน้ำตาลเป็นค่าที่บอกระดับน้ำตาลในเลือดหลังการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต การรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และผู้ป่วยเบาหวาน

สตรอว์เบอร์รี่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ จึงทำให้น้ำตาลถูกปล่อยเข้าไปในกระแสเลือดอย่างช้า ๆ ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะเพิ่มขึ้นช้า อีกทั้งมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดได้

4. เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

วิตามินซีมีส่วนช่วยในการทำงานองระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ช่วยฟื้นฟูบาดแผลให้หายเร็วขึ้น รวมทั้งช่วยป้องกันและรักษาโรคที่เกิดจากติดเชื้อ เช่น โรคหวัด และไข้หวัดใหญ่ได้ การขาดวิตามินซึจึงอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยง่ายและหายช้า เกิดโรคเลือดออกตามไรฟัน และฟกช้ำง่าย

ปริมาณของวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวันในผู้ใหญ่อยู่ที่ 85–100 มิลลิกรัมต่อวัน การรับประทานสตรอว์เบอร์รี่เพียง 100 กรัม ให้วิตามินซีสูงถึง 60 มิลลิกรัม ซึ่งเกือบเทียบเท่าปริมาณวิตามินซีที่ควรได้รับต่อวัน

5. ช่วยลดน้ำหนัก

สตรอว์เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เพราะให้พลังงาน ไขมัน และน้ำตาลต่ำ อีกทั้งมีใยอาหารสูง จึงช่วยให้อิ่มนาน ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดคอเลสเตอรอล และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยรับประทานสตรอว์เบอร์รี่สดแทนขนมหวานในระหว่างวัน หรือรับประทานกับนมพร่องมันเนย สลัดผัก และโยเกิร์ตไขมันต่ำ ทำให้รับประทานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักขึ้น

6. เสริมการทำงานของสมอง

สตรอว์เบอร์รี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี ฟลาโวนอยด์ และแอนโทไซยานิดิน (Anthocyanidins) ซึ่งช่วยปกป้องความเสียหายเซลล์ ลดการอักเสบในร่างกาย ชะลอความเสื่อมของความคิดและความจำ รวมทั้งช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม และอัลไซเมอร์ที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ 

7. ช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร

ผลการวิจัยพบว่าสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) และแอนโทไซยานินในสตรอว์เบอร์รี่มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก (Prebiotic) ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของโพรไบโอติก (Probiotics) เช่น บิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ในลำไส้ที่มีประโยชน์ โดยช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ การรับประทานสตรอว์เบอร์รี่ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยต้านการอักเสบในลำไส้ได้ด้วย

8. ป้องกันมะเร็ง

มะเร็งคือโรคที่เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์จนกลายเป็นก้อนเนื้อ โดยเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การมีอนุมูลอิสระสะสมในร่างกายปริมาณมาก และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเซลล์ ผลการวิจัยพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในสตรอว์เบอร์รี่มีส่วนช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ ช่วยป้องกันการเกิดและยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่


ที่มา  https://www.pobpad.com/สตรอว์เบอร์รี่-ผลไม้เปร


ประโยชน์ของผักและผลไม้อบกรอบ

-มีเส้นใยอาหารมาก

-เป็นการแปรรูปที่ทำให้ผักและผลไม้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดคงเหลืออยู่

-เป็นตัวเลือกให้ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้สดสามารถรับประทานได้ง่าย

 

วิธีรับประทานผักและผลไม้อบกรอบให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

-ควรเลือกซื้อผักและผลไม้อบกรอบที่แปรรูปด้วยการแช่เยือกแข็ง (Freeze Dry) หรือทอดแบบสูญญากาศ เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำมันตกค้างจากการทอด

-ควรเลือกซื้อผักและผลไม้อบกรอบที่มีฉลากแสดงคุณค่าทางโภชนาการและผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเลือกชนิดผักและผลไม้อบกรอบที่ให้พลังงานต่ำและมีเส้นใยอาหารสูง เช่น ผักใบเขียว บรอกโคลีแคร์รอต กระเจี๊ยบเขียว

-ควรรับประทานผักและผลไม้อบกรอบหลากหลายชนิด เน้นผักหลากสี เพื่อให้ได้สารอาหารหลากหลายร่วมกับรับประทานอาหารหลักให้เพียงพอ โดยเฉพาะโปรตีน เช่น โยเกิร์ตไขมันต่ำ นมไขมันต่ำ หรือถั่วต่าง ๆ

 

-ไม่ควรรับประทานผักและผลไม้อบกรอบมากเกินไปในแต่ละวัน เนื่องจากอาจได้รับพลังงานมากเกินไปได้ โดยเฉพาะผักและผลไม้ชนิดที่ให้พลังงานสูง

-ไม่ควรรับประทานผักและผลไม้อบกรอบที่มีปริมาณเกลือ น้ำตาล หรือผงปรุงรสมากโดยสังเกตได้จากฉลากโภชนาการข้างบรรจุภัณฑ์

-ไม่ควรรับประทานผักและผลไม้อบกรอบทดแทนการรับประทานผักและผลไม้สดทั้งหมด



ที่มา https://www.matichon.co.th/lifestyle/food-travel/news_3141134