มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ยับยั้งเซลล์มะเร๋ง กำจัดมะเร็ง พอลลิติน Pollitin
฿6,500

Description

ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง เพิ่มออกซิเจนในเลือด เพิ่มความแข็งแรงในเซลล์เม็ดเลือดขาว ลดผลกระทบของอาการข้างเคียงจากการให้คีโม หรือเคมีบำบัด



คุณดวงจันทร์ เป็นคนหนึ่งที่ต้องทนทุกข์ทรมาน กับ #โรคมะเร็งเต้านม ที่สุดท้ายต้องจบด้วยการ #ตัดเต้านม ออกเพื่อรักษาชีวิตไว้ จนมาในปี พ.ศ. 2542 โรคร้ายได้กลับมาทำร้ายชีวิตเธออีกครั้ง ด้วยอาการป่วยเป็น #มะเร็งปากมดลูก ต้องเข้ารับการรักษาตามขั้นตอนของแพทย์ ทำให้เธอต้องพบกับอาการผมร่วง และทานอาหารไม่ได้ น้ำหนักลดฮวบ ลงเหลือเพียง 22 กก. แต่เธอรอด!!! ด้วย #พอลลิติน #Pollitin #มะเร็งปากมดลูก #มะเร็งเต้านม #พอลลิติน

ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง ป้องกันการติดเชื้อในเลือดและน้ำเหลือง เพิ่มออกซิเจนในเลือด เพิ่มความแข็งแรงในเซลล์เม็ดเลือดขาว ลดผลกระทบของอาการข้างเคียงจากการให้คีโม หรือเคมีบำบัด


- มะเร็งระยะที่ 1-2 วีทกราส,พอลลิทอล ทานวันละ 3 ครั้ง ,พอลเลนพลัส ทานวันละ 2 ครั้ง

- มะเร็งระยะที่ 3-4 วีทกราส,พอลลิทอล ทานวันละ 4 ครั้ง ,พอลเลนพลัส ทานวันละ 2 ครั้ง


การรับประทาน ทานก่อนอาหาร 15-30 นาที


โรคมะเร็งปากมดลูกเกิดจากอะไร❓


👉โรคมะเร็งปากมดลูก เกิดขึ้นในเซลล์ปากมดลูกซึ่งอยู่บริเวณช่วงล่างของมดลูก โรคมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดฮิวแมนแปปปิโลมาไวรัส (Human Papillomavirus) หรือเอชพีวี (HPV) ซึ่งมักจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์

เมื่อร่างกายได้รับเชื้อ HPV เป็นครั้งแรก ระบบภูมิคุ้มกันจะพยายามปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตามเชื้อ HPV อาจทำให้เซลล์ที่ปากมดลูกเกิดความผิดปกติและกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกเพื่อป้องกันเชื้อ HPV จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

ในระยะแรกที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกมักจะไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ แต่ในภายหลังเมื่อเริ่มเป็นหนักมากขึ้นร่างกายจะเริ่มแสดงอาการผิดปกติ เช่น มีภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด หรือตกขาวผิดปกติ และอาจมีอาการปวดร่วมด้วยได้

 


เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์❓

ผู้ป่วยควรทำการนัดพบแพทย์เมื่อพบลักษณะอาการที่ผิดปกติหรือไม่พึงประสงค์ ดังนี้

มีภาวะเลือดออกผิดปกติได้แก่ เลือดออกกระปริดกระปรอย เลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนมาผิดปกติประจำเดือนมานานขึ้นหรือมากขึ้นผิดปกติ หรือมีเลือดออกหลังจากหมดประจำเดือนแล้ว

มีตกขาวผิดปกติ ได้แก่ ตกขาวปริมาณมากขึ้น ตกขาวมีกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดปน

ปวดหน่วงท้องน้อยโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีอาการเจ็บหลังจากมีเพศสัมพันธ์

อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีอาการใด ๆ หากตรวจคัดกรองแล้วพบว่าผลตรวจมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาต่อไป

 


📌สาเหตุโรคมะเร็งปากมดลูก

เชื้อ HPV มีบทบาทสำคัญในการเกิดมะเร็งปากมดลูก เมื่อเซลล์ปกติที่อยู่บริเวณปากมดลูกเกิดการกลายพันธุ์จะส่งผลให้เกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งได้ อย่างไรก็ตามคนส่วนมากที่ได้รับเชื้อไวรัส HPV เซลล์อาจจะยังไม่พัฒนาเป็นมะเร็งตั้งแต่แรกที่ได้รับเชื้อ ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหรือรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคลอาจส่งผลต่อการเกิดโรคด้วยเช่นกัน

 


📌ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อมะเร็งปากมดลูก

ปัจจัยเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น ได้แก่

การมีคู่นอนหลายคน หรือการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ

การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย

การได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆ อย่างเช่น โรคติดเชื้อคลามีเดีย (chlamydia) โรคหนองในแท้ (gonorrhea) โรคซิฟิลิส (syphilis) และโรคติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ (HIV/AIDS)

ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดีจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกมากกว่าคนทั่วไปโดยเฉพาะหากระบบภูมิคุ้มกันต่ำ

การสูบบุหรี่

 


📌การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่ป้องกันได้ เริ่มจากแนะนำให้ลดปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน และงดสูบบุหรี่ เป็นต้น นอกจากนี้ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV (HPV vaccine) ซึ่งสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกและรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งได้ นอกจากนี้การป้องกันการติดเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูง ยังสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูก ทวารหนัก และมะเร็งช่องปากได้อีกด้วย โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีด HPV วัคซีน ที่ช่วงอายุ 11 หรือ 12 ปี ถึงอายุ 26 ปี และได้ผลดีที่สุดในคนที่ไม่เคยได้รับเชื้อหรือไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว แพทย์ก็ยังแนะนำให้ไปตรวจภายในและคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตามปกติ

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีทั้งวิธีการตรวจแปปสเมียร์ (Pap smear) และวิธีตรวจ เอชพีวี ดีเอ็นเอ (HPV DNA) สำหรับการตรวจแปปสเมียร์ แพทย์จะทำการป้ายเซลล์จากปากมดลูกเพื่อเก็บไปตรวจหาความผิดปกติ หรือปัจจุบันใช้วิธี Liquid-base cytology (LBC) เป็นการเก็บเซลล์จากปากมดลูกใส่ในของเหลวเพื่อตรวจหาเซลล์ผิดปกติ ซึ่งให้ผลตรวจที่ชัดเจนมากขึ้น การตรวจแปปสเมียร์ หรือ LBC จะสามารถตรวจหาได้ทั้งเซลล์มะเร็ง และเซลล์ที่มีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการตรวจเชื้อ HPV DNA สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจคัดกรองมากขึ้น

ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์สำหรับแนวทางการตรวจคัดกรองมดลูก โดยทั่วไปจะแนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองมดลูกในหญิงที่อายุ 21 ปี ขึ้นไป

 


📌การวินิจฉัยโรค

ในการวินิจฉัยโรคมะเร็งปากมดลูกครั้งแรก แพทย์จะเริ่มทำการตรวจปากมดลูกและหากแพทย์ตรวจพบรอยโรคที่สงสัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อ (punch biopsy) ที่ตำแหน่งที่สงสัยบริเวณปากมดลูก โดยใช้เครื่องมือปลายแหลมในการตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจเพิ่มเติมในห้องปฏิบัติการ

อย่างไรก็ตาม หากตรวจไม่พบรอยโรค แต่ตรวจพบเซลล์มะเร็งปากมดลูกผิดปกติจาก Pap smear หรือ HPV DNA test แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีการส่องกล้องปากมดลูกด้วยคอลโปสโคป (colposcopic examination) การตรวจแบบนี้ใช้กล้องคอลโปสโคปในการตรวจหาความผิดปกติของเซลล์ แพทย์จะทำการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากเซลล์จากปากมดลูกเพื่อนำไปตรวจเพิ่มเติมในห้องปฏิบัติการ ในบางครั้งอาจตรวจด้วยการขูดภายในคอมดลูก (endocervical curettage) ผ่านการใช้เครื่องมือขนาดเล็ก (curette) ขูดเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกเพื่อการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม

ในกรณีที่ผลชิ้นเนื้อพบว่าเป็นรอยโรคก่อนมะเร็ง แพทย์จะทำการรักษาพร้อมวินิจฉัย ด้วยวิธีการผ่าตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวย (cone biopsy หรือ conization) โดยมักจะทำด้วยวิธี Loop electrosurgical excision procedure (LEEP) โดยใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะวงลวดไฟฟ้าขนาดเล็ก (electrical wire loop) พร้อมกับการใช้กระแสไฟฟ้าแรงดันต่ำ และการผ่าตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวย เพื่อวินิจฉัยและรักษารอยโรคก่อนมะเร็ง

สำหรับการตรวจเพื่อระบุระยะของมะเร็งปากมดลูก นอกเหนือจากการตรวจภายใน และการตรวจทางทวารหนักในเบื้องต้น การสร้างภาพเหมือนจริง (imaging tests) เช่น การตรวจด้วยเอกซ์เรย์ (X-ray) การตรวจ CT scan การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือการใช้ PET Scan ที่จะช่วยระบุระดับการลุกลามของมะเร็งต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ นอกจากนั้นในบางราย แพทย์อาจจะทำการตรวจดูภายในกระเพาะปัสสาวะและทวารหนักร่วมด้วย


📌การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก

โรคมะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีน HPV ในช่วงอายุ 11-12 ปีโดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แต่ในกรณีผู้ป่วยที่ตรวจพบโรคมะเร็งปากลูกก็มีทางเลือกในการรักษามะเร็งปากมดลูกที่หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด (surgery) การใช้รังสีรักษา (radiation) การใช้ยาเคมีบำบัด (chemotherapy) หรือการรักษาร่วมกัน

การผ่าตัด (Surgery)

ในมะเร็งปากมดลูกระยะแรก แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัด เป็นการรักษาหลัก โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยทำการผ่าตัดปากมดลูกแบบกว้าง (radical hysterectomy) โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดปากมดลูก มดลูก รวมไปถึงเนื้อเยื่อด้านข้าง และเลาะต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน แต่หากมะเร็งปากมดลูกมีขนาดเล็กมากและเป็นระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยอาจจะได้รับการผ่าตัดเพียงปากมดลูกและมดลูก (simple hysterectomy) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการมีบุตรในอนาคต ยังมีทางเลือกผ่าตัดที่สามารถเก็บมดลูกไว้ได้ (ผ่าตัดปากมดลูก หรือ trachelectomy) ซึ่งแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของการรักษาต่อไป

การใช้รังสีรักษา (Radiation)

หลังทราบผลชิ้นเนื้อและพบว่ามีความเสี่ยงในการกลับเป็นซ้ำ แพทย์อาจแนะนำการใช้รังสีรักษา เพื่อร่วมรักษาเพิ่มเติมหลังผ่าตัด


สำหรับผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามเฉพาะที่ (locally advanced cervical cancer) แพทย์มักจะแนะนำให้ผู้ป่วยรักษาด้วยรังสีรักษาร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด เป็นการรักษาหลัก


การรักษาด้วยรังสีรักษามี 2 ประเภทหลักๆ ประเภทแรกคือการฉายรังสีระยะไกล (external beam radiation therapy) วิธีการนี้เป็นการรักษาด้วยรังสีที่มาจากเครื่องกำเนิดรังสี แพทย์จะทำการฉายรังสีไปยังจุดที่ผิดปกติ วิธีการรักษาอีกประเภทคือ การให้รังสีระยะใกล้ (Brachytherapy) โดยแพทย์จะให้แร่ผ่านด้านในช่องคลอดเป็นระยะเวลาสั้น ๆ


การใช้รังสีรักษาอาจกระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนก่อนกำหนด ผู้ป่วยควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาและหาแนวทางการเก็บรักษาไข่ก่อนเริ่มการรักษาโดยเฉพาะในกรณีผู้ป่วยอายุน้อย หรือผู้ป่วยที่ต้องการมีบุตร ในอนาคต

การใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy)

การรักษาด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยแพทย์จะรักษาด้วยการใช้เคมีบำบัดในปริมาณเล็กน้อยร่วมกับการใช้รังสีรักษา สำหรับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามเฉพาะที่ โดยยาเคมีบำบัดจะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของรังสีรักษามากขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในระยะแพร่กระจายแพทย์มักจะรักษาด้วยวิธีให้ยาเคมีบำบัดเป็นหลัก


นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาด้วยการใช้ยารักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted-Drug Therapy) แพทย์มักจะใช้การรักษารูปแบบนี้ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยเคมีบำบัด

 


การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)

ถูกนำมาใช้สำหรับการรักษามะเร็งปากมดลูกในระยะแพร่กระจาย หรือในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาประเภทอื่นๆ การรักษาแบบนี้จะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ในการกำจัดเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตาม การรักษาวิธีนี้ยังมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร


💥🌾✅สารอาหารบำบัดเซลล์ ในพอลลิติน เป็นแพทย์ทางเลือกที่ดี เป็นคำตอบของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในการต่อสู้ และระหว่างรักษาโรคร้าย อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน เอนไซม์ ที่มีการกว่า 300 ชนิด

🌾พอลลิทอล Pollital ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มอัตราการตายของเซลล์มะเร็ง ยับยั้งไม่ให้เซลมะเร็งกระจาย เสริมสร้างภูมิต้านทาน

พอลลิทอล ประกอบไปด้วยวิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี, แร่ธาตุที่ช่วยปกป้องเซลล์ ซิงค์ เซเลเนียม และสารสกัดจากละอองเกสร มีส่วนช่วยไปยับยั้งการทำงานของสารอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของร่างกาย และ ป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระต่างๆ.

🔰ซิงค์ กลูโคเนต (สังกะสี) ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย

🔰วิตามินซี มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื้อคอลลาเจน

🔰อิโนซิทอล (วิตามินบี8 ) มีส่วนช่วยในการทำงานของเซลล์ในร่างกายของเราให้เป็นปกติ ช่วยในการผลิตกรดไขมัน เผาผลาญไขมันและกรดอะมิโน (ส่วนของโปรตีน) มีบทบาทในการผลิตพลังงาน

🔰วิตามินอี มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ

🔰วิตามินเอ อะซิเตท มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างเยื้อบุต่างๆ ของร่างกาย

🔰วิตามินบี 6 มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์ มีส่วนช่วยสร้างสารที่จำเป็นในการทำงานของระบบประสาท

🔰ซีลีเนียม มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ

🌾วีทกราส Wheatgrass ตัวช่วยในการดีท็อกซ์ของเสีย สารตกค้างและสารพิษภายในร่างกาย เพิ่มออกซิเจนในกระแสเลือด และลดจำนวนเซลล์มะเร็ง ลดผลข้างเคียงหลังให้คีโม

🌾ต้นข้าวสาลีอ่อน เป็นแหล่ง #คลอโรฟิลล์ที่ดีที่สุด ประกอบไปด้วยสารอาหารจากพืช และสารประกอบที่มีออกซิเจนสูง อุดมไปด้วยวิตามิน & แร่ธาตุหลากหลายชนิด รวมไปถึงโปรตีนและเอ็นไซม์ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย.

🌾วีทกราส เป็นแหล่งอาหารที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม superfood เนื่องจากมีส่วนประกอบของสารอาหารที่เข้มข้น ประกอบไปด้วยกรดอะมิโน รวมถึงกรดอะมิโนจำเป็นปริมาณมาก และ วิตามินที่มีความเข้มข้นสูงหลายชนิด เช่น วิตามินเค, วิตามินบี 2, วิตามินบี 7, วิตามินบี 9, วิตามินซี และวิตามินอี และแร่ธาตุอื่นๆอีกมากมาย เช่น โพแทสเซียม, แคลเซี่ยม, ธาตุเหล็ก, ฟอสฟอรัส และแมกนิเซียม

........................................................................................

👉👉👉Line oa:https://lin.ee/luzTD2Z

ติดต่อผู้เชี่ยวชาญ http://m.me/cancerroom49

☎โทร : 099 2190695

🏠My Shop : https://shop.line.me/@734sdzfw

................................................................................................

ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม www.health2y.com

อ่านบทความสุขภาพได้ที่ http://www.health2y.com/article

ติดตามช่องยูทูป https://bit.ly/38ewhgn


#มะเร็งทุกระยะ#มะเร็ง#มะเร็งปอด#มะเร็งเม็ดเลือดขาว#มะเร็งลำใส้#มะเร็งผิวหนัง#มะเร็งต่อมลูกหมาก#มะเร็งปากมดลูก#มะเร็งเต้านม#มะเร็งระยะแพร่กระจาย#มะเร็งระยะเริ่มต้น#มะเร็งตับ#มะร็งพอลลิติน#มะเร็งยารักษา#มะเร็งยาเคมี#มะเร็งปากมดลูกอาการ#มะเร็งรังไข่#มะเร็งปากมดลูกระยะ#พอลลิตินสรรคุณ#ยาพุ่งเป้า#ยาพุ่งเป้ามะเร็ง#ยาพุ่งป้ามะเร็งราคา#ผลข้างเคียงคีโม#อาหารผู้ป่วยมะเร็ง#มะเร็ง#ก้อนเนื้อ#cancer