สูตรหมอนรองกระดูกเสื่อมทับเส้นประสาท
฿8,000
Quantity/ 100 items available
1


Description


โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม

คือ การเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูกหรือชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างข้อกระดูกสันหลังแต่ละข้อ ซึ่งหมอนรองกระดูกนี้มีหน้าที่ลดแรงกระแทก ถ้าเปรียบให้มองเห็นภาพชัดๆ คือโช๊ครถที่คอยรองรับแรงกระแทกนั่นเอง และยังทำหน้าที่กระจายแรงของน้ำหนักตัวที่ส่งผ่านมายังกระดูกสันหลัง ช่วยให้คนเราเคลื่อนไหวในท่าทางต่างๆ ได้ หมอนรองกระดูกเสื่อมอาจเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น การอยู่ในอิริยาบทบางท่าซ้ำๆ นานๆ ยกของหนัก มีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป และการได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง โดยผู้ป่วยอาจรู้สึกปวดเพียงเล็กน้อยหรือปวดอย่างรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ หากกระดูกนั้นกดถูกจุดสำคัญของเส้นประสาท



อาการหมอนรองกระดูกเสื่อม


ผู้ป่วยหมอนรองกระดูกเสื่อมบางคนอาจไม่มีอาการเจ็บปวด บางคนรู้สึกปวดอย่างรุนแรงจนรบกวนการทำกิจวัตรประจำวัน โดยลักษณะอาการปวดของภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมที่พบได้บ่อย มีดังนี้


▪︎ปวดบริเวณหลังส่วนล่าง และอาจปวดร้าวชาลามไปสะโพก และลงขา

▪︎หากปวดบริเวณลำคออาจปวดลามไปถึงแขน ชาตามปลายนิ้วมือ

▪︎ปวดมากขึ้นหลังจากก้ม เอี้ยวตัว หรือเอื้อมหยิบของ

▪︎อาจปวดมากขึ้นเมื่ออยู่ในท่านั่งเป็นเวลานาน

▪︎อาการปวดเป็นๆ หาย ๆ โดยอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ 2-3 วัน ไปถึงหลายเดือน

▪︎อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง และรู้สึกชาที่ขา หรือแขน

▪︎อาจรู้สึกปวดน้อยลงหลังจากเดินหรือออกกำลังกาย

▪︎อาการเจ็บหลังเกิดอุบัติเหตุ เช่น รถชน ตกต้นไม้ ตกจากที่สูง เป็นต้น


โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมเกิดขึ้นได้กับกระดูกสันหลังทุกส่วน แต่พบบ่อยบริเวณเอว และคอ นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีภาวะนี้ยังเสี่ยงเกิดโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังตามมา ได้แก่ โรคข้อเสื่อม โรคโพรงกระดูกสันหลังเอวตีบแคบ และโรคกระดูกทับเส้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดแรงกดต่อกระดูกสันหลัง และเส้นประสาท ทำให้รู้สึกปวด และกระทบต่อการทำงานของเส้นประสาทได้



สาเหตุของหมอนรองกระดูกเสื่อม


หมอนรองกระดูกมีองค์ประกอบสำคัญ คือ น้ำ ซึ่งสัดส่วนของน้ำจะค่อย ๆ ลดลงตามอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้หมอนรองกระดูกมีความยืดหยุ่นลดลง และไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ดังเดิม ทำให้เกิดความรู้สึกปวดและมีอาการอื่นๆ ของโรคนี้ตามมา ภาวะการเสื่อมสภาพนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในช่วง 30-40 ปี จากนั้นจะมีอาการแย่ลงเรื่อยๆ โดยผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปนั้นมีปัญหาหมอนรองกระดูกเสื่อมกันแทบทุกคน แต่บางคนอาจไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด


นอกจากนี้ การได้รับบาดเจ็บบริเวณหลังหรือการทำกิจกรรมที่เกิดแรงกดต่อหมอนรองกระดูกซ้ำๆ เป็นเวลานาน เช่น การเล่นกีฬาบางอย่าง หรือการทำอาชีพที่ต้องยกของหนัก อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดหมอนรองกระดูกเสื่อมได้ รวมถึงการได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ การมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน หรือเป็นโรคอ้วน การสูบบุหรี่ และการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย



การรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม


การรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อมมุ่งไปที่การบรรเทาอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้น โดยอาจใช้วิธีต่อไปนี้


▪︎การประคบร้อนหรือประคบเย็น

การประคบด้วยถุงน้ำแข็ง หรือถุงร้อนบริเวณที่มีอาการจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นได้ การประคบเย็นสามารถช่วยลดอาการปวด ส่วนการประคบร้อนจะช่วยลดการอักเสบที่เป็นสาเหตุของอาการปวด


▪︎การใช้ยา

ได้แก่ ยาบรรเทาอาการปวดอย่างพาราเซตามอล และยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์อย่างไอบูโพรเฟน ในบางรายแพทย์อาจสั่งจ่ายยาที่มีฤทธิ์รุนแรงกว่านี้ และเพื่อความปลอดภัย ควรอ่านคำเตือนในฉลากก่อนใช้ยาให้ละเอียด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด


▪︎การทำกายภาพบำบัด

ผู้ป่วยสามารถขอคำแนะนำจากนักกายภาพบำบัดเกี่ยวกับท่าออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณโดยรอบหมอนรองกระดูกสันหลังที่เสื่อม รวมถึงเพิ่มการไหลเวียนเลือด และออกซิเจนไปเลี้ยงบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้อาการปวดและบวมอักเสบลดน้อยลง และเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น เช่น การยืดกล้ามเนื้อ โยคะ เป็นต้น ผู้ป่วยต้องทำไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องจึงจะค่อยๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น


▪︎การผ่าตัด หากมีภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมอย่างรุนแรง อาการปวดไม่ดีขึ้น หรือแย่ลงหลังเข้ารับการรักษา ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการเชื่อมข้อกระดูกสันหลังเข้าด้วยกัน เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของข้อกระดูกบริเวณนั้นๆ หรือผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกสันหลังเทียม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเอาหมอนกระดูกที่เสื่อมออก แล้วแทนที่ด้วยหมอนกระดูกเทียมที่ทำจากโลหะหรือพลาสติกแทนเข้าไป



ภาวะแทรกซ้อนของหมอนรองกระดูกเสื่อม


ผู้ที่มีหมอนรองกระดูกเสื่อมอาจเกิดโรคข้อเสื่อมที่บริเวณหลังตามมาได้ หากหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม และบาง หรือแตกออกจนทำให้ข้อกระดูกสันหลังสีกัน นำมาซึ่งอาการปวด และข้อฝืดบริเวณหลัง ส่งผลให้ไม่สามารถทำกิจกรรมหลายๆ อย่างได้ และยิ่งหากกระดูกส่วนนั้นกดทับเส้นประสาทส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทที่ช้าลง


นอกจากนี้ อาการปวดจากหมอนรองกระดูกเสื่อมอาจทำให้ผู้ป่วยไม่อยากเคลื่อนไหวมาก ซึ่งไม่เป็นผลดีนัก เพราะอาจเสี่ยงมีอาการปวดรุนแรงยิ่งขึ้น กล้ามเนื้อหลังยืดหยุ่นได้น้อยลง กล้ามเนื้อตึงตัว เกิดลิ่มเลือดในขา หรือมีภาวะซึมเศร้าได้



การป้องกันหมอนรองกระดูกเสื่อม


เนื่องจากภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมนั้นมีสาเหตุหลักมาจากอายุที่เพิ่มขึ้น จึงไม่อาจป้องกันได้ อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อาจช่วยป้องกันการเสื่อมของหมอนกระดูกก่อนวัยอันควร เช่น


▪︎ ระมัดระวังไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ เลี่ยงการทำกิจกรรมที่ส่งผลต่อกระดูกสันหลังซ้ำๆ

▪︎ เลิกสูบบุหรี่

▪︎ คงน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

▪︎ หมั่นเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ


ส่วนผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้อยู่แล้วควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ส่งผลให้เกิดการลงน้ำหนักที่บริเวณกระดูกสันหลังมากเกินไปอย่างการยกของหนัก หรือการนั่งนานๆ เพื่อลดความรุนแรงของอาการ




🌐 ทำไมองค์การอนามัยโลกจึงยกให้พอลลิตินเป็นโภชนเภสัช


🗝ไขความลับธรรมชาติจนได้สูตรอาหารที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิต


🌾พอลลิติน เป็นสารสกัดจากธรรมชาติคุณภาพสูง สกัดจากเกสรข้าวไรย์ภายใต้การผลิต และวิจัยด้วยเทคโนโลยี มาตรฐานเดียวกับการผลิตยาตามข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็น โภชนเภสัช หรือ โภชนาการบำบัดทางโภชนาการ


🇺🇲พอลลิตินได้รับมาตรฐานการผลิตระดับโลก


▪︎ORAC หรือความเข้มข้นของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่สูงมาก


▪︎CAP-e Test หรือค่าการดูดซึมสารอาหารเข้าสู่เม็ดเลือดแดงในระดับสูงมาก ร่างกายรับสารอาหารที่สกัดจากเกสรข้าวไรย์ได้เกือบ 100%


▪︎cGMP มาตรฐานการผลิตเดียวกันกับยา


▪︎NSF เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากสารเคมี 100%


▪︎GLP มีการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง


▪︎ HALAL การผลิตเป็นไปตามมาตรฐานอาหารฮาลาล


พอลลิติน มีจำหน่ายในกว่า 50 ประเทศ ใน 6 ทวีป ทั่วโลก มานานกว่า 50 ปี จากการศึกษาวิจัยโดยนักวิจัยชาวสวีเดน พบว่าในสารที่สกัดได้จากเกสรข้าวไรย์มีสารที่จำเป็นต่อการสร้างชีวิตใหม่ในตระกูลพืช และเป็นพื้นฐานในห่วงโซ่อาหาร เป็นสเตียรอยด์จากธรรมชาติ สูตรที่เป็นนวัตกรรมนี้ประกอบด้วยสารสกัดเกสรเข้มข้นที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ จากการศึกษาทางคลินิกมากกว่า 150 รายการเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม สารเคมีที่พบในเกสรข้าวไรย์ยังชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์อนุมูลอิสระ จากการวิจัยพบว่ามีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากกว่า 300 ชนิด ที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ และจำเป็นต้องสร้างทุกวัน ประกอบไปด้วย วิตามิน เกลือแร่ และแร่ธาตุสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็น และสำคัญต่อการดูแลร่างกาย และเซลล์ มีสารอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้า มีสารต้านอนุมูลอิสระ สาเหตุหลักที่ทำให้มนุษย์เป็นโรคร้ายแรงมากมาย มีสารสำคัญ เช่น ไฟโตสเตอรอล ที่ช่วยเสริมภูมิต้านทานเพื่อสุขภาพ


ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มเลือกโภชนาการเพื่อสุขภาพของเรา เริ่มต้นด้วยแคปซูลเล็กๆ นี้ ซึ่งมีความลับมากมาย อะไรทำให้พอลลิตินยอดเยี่ยมนะหรือ? วิทยาศาสตร์คือคำตอบ #พอลลิตินสารสกัดจากละอองเกสรดอกไม้อันดับหนึ่งระดับโลก