Description
Clomiphene #Clomid® #Serophene® #Ovamit #Ovinum เป็นยากระตุ้นรังไข่ที่ใช้กันทั่วไป เนื่องจากราคาไม่แพงและใช้ง่าย เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ ที่ต้านฤทธิ์ของเอสโตรเจน ช่วยให้สมองสร้าง เอฟเอสเอช ได้มากขึ้นกว่ารอบที่ไม่ได้รับยา
#การรับประทานยา clomiphene ต้องรับประทานต่อเนื่อง 5 วัน ปกติให้ในวันที่ 2 – 6 หรือ วันที่ 5 – 9 ของรอบประจำเดือน
ควรเริ่มใน 5 วันแรกของการมีระดู จะเริ่มวันที่ 1, 2, 3, 4 หรือ 5 ก็ได้ครับ
มักจะเริ่มยาในวันที่ 3 เพื่อให้แน่ใจว่า เลือดที่มาเป็นระดูจริง เพราะผู้หญิงบางรายเขามี premenstrual spotting ก่อนมีระดูจริง การคอยดูก่อนว่าเลือดออกแบบระดูจริงหรือเปล่าจะได้เริ่มยาไม่ผิดวัน ถ้าระดูมามากเลยตั้งแต่วันแรก และแน่ใจว่าเลือดที่ออกเป็นระดูจริง จะเริ่มยาในวันแรกเลยก็ได้ครับ
การเริ่มยาในวันที่ 5 ของระดูก็ทำได้ เพราะการเริ่มยาเร็วจะทำให้ได้ไข่มากกว่าการเริ่มยาช้า เนื่องจากการกำหนดว่าไข่ใบไหนจะตาย หรือจะตกไข่ จะเกิดในราววันที่ 6 ของรอบระดู ถ้าเริ่มยาในวันที่ 5 ก็ยังใช้ได้แต่กลัวว่าจะได้ไข่น้อยลง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการใช้ยากระตุ้นการตกไข่ด้วยครับ เช่น ถ้าคุณหมอเขาต้องการกระตุ้นให้มีไข่ตกแค่ใบเดียว ในผู้ป่วยที่ไม่มีการตกไข่ เขาก็อาจให้ยาแค่เม็ดเดียว เริ่มในวันที่ 5 ของระดู แต่ในผู้ป่วยอีกรายที่มีการตกไข่อยู่แล้ว แต่แพทย์ต้องการทำ superovulation ให้มีการตกไข่มากกว่า 1 ใบ ก็อาจเริ่มยา 2 เม็ด และให้เริ่มยาในวันที่ 1, 2 หรือ 3 เป็นต้น
ไข่จะตกราววันที่ 5-10 นับจากวันสุดท้ายที่รับประทานยา ให้มีเพศสัมพันธุ์ในช่วงนี้ วันเว้นวันครับ
#อาการข้างเคียง ที่พบได้แก่ทำให้มูกปากมดลูกข้นขึ้น ช่องคลอดแห้ง และมีอาการร้อนวูบวาบ บางคนอาจหงุดหงิดมากกว่าปกติ มีอารมณ์แปรปรวน บางคนที่เกิดอาการข้างเคียงรุนแรงได้ เช่น อาจมีอาการท้องอืด เจ็บตึงเต้านม คลื่นไส้ มีผื่นแดงตามตัว หรือ วิงวียนศีรษะ อาการต่างๆ นี้ หายไปได้เอง เมื่อหยุดยาหลังรับประทานยาครบ 5 วันแล้ว
การที่ clomiphene ต้านฤทธิ์ของเอสโตรเจนจึงมีผลเสียต่อมูกปากมดลูก และเยื่อบุโพรงมดลูกบาง ไม่เหมาะกับการเกาะและฝังตัวของตัวอ่อน โอกาสในการตั้งครรภ์มีเพียง 5 – 10% ต่อเดือน ต้องรักษานาน 6 เดือน จึงเกิดโอกาสการตั้งครรภ์ได้ถึง 35 – 40%