✨ Marinshop ✨ แม่จ๋าอย่าโมโห Schreimutter SC
฿230฿270 -15%

Description

คุณแม่ของเพนกวิ้นโกรธมาก

ลูกเพนกวิ้นเล่าว่า

เมื่อเช้านี้แม่โมโห แม่ตะโกนใส่ฉันเสียงดังมาก

ดังมากจนตัวของฉันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วก็ปลิวลอยไป

หัวก็ลอยไปในอวกาศ ตัวอยู่ในทะเล ปีกหายไปในป่า

ปากไปตกอยู่บนยอดเขาและก้นก็ไปหล่นอยู่ในเมือง


เมื่อเท้าอันเหนื่อยอ่อนเดินไปจนถึงทะเลทรายซาฮาร่า ก็มีเงาอันใหญ่ปรากฏขึ้นมา

คุณแม่ของเพนกวิ้นน้อยได้รวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมดและเย็บทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน

แม่ขอโทษนะ เธอกล่าว




รีวิวจาก เพจ ตามใจนักจิตวิทยา

เมื่อการตวาดของแม่สามารถทำให้ตัวของลูกแตกกระจาย

.

หนังสือนิทาน "แม่จ๋า อย่าโมโห"

โดย Schreimutter

ผู้แปล วิภาศิริ กิจสุบรรณ

สนพ. SandClock

.

บ่อยครั้งที่เด็ก ๆ อาจจะเผลอทำให้พ่อแม่อย่างเราเกิดความรู้สึกอยากจะระเบิดออกมาตรงนั้น แต่เราก็เลือกที่จะควบคุมอารมณ์และสยบความโกรธนั้นลงไปก่อน เพราะด้วยวุฒิภาวะและสมองของผู้ใหญ่ที่พัฒนามากพอจะทำให้เราสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าเด็ก ๆ

.

ถึงกระนั้น พ่อแม่ก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เรามีความรู้สึก และเรามีขีดจำกัดเช่นเดียวกัน หากลูกล้ำเส้นและกดปุ่มต้องห้ามในตัวเรา จนทำให้สติตามไม่ทันการกระทำอีกต่อไป เราอาจจะเผลอระเบิดอารมณ์ใส่ลูกโดยไม่ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเสียง ตวาดเขา และอื่น ๆ

.

นิทานเล่มนี้เริ่มเรื่องมาด้วยแม่เพนกวินตวาดใส่ลูกเพนกวินน้อยของเธอ ทันทีที่คลื่นเสียงของแม่กระทบลูกน้อย ตัวของลูกเพนกวินก็กระจายออกจากกัน บางส่วนก็กระจายไปไกลถึงอวกาศ บางส่วนก็ไปอยู่ที่ยอดเขา และบางส่วนก็ไปลอยเค้งกลางทะเล เหลือไว้เพียงส่วนเท้า ที่ต้องออกตามหาชิ้นส่วนต่าง ๆ

.

ตามความเข้าใจของตัวเอง ผู้เขียนอาจจะต้องการสื่อว่า เมื่อผู้ใหญ่ตวาดใส่เด็ก การตวาดต่างจากการตะโกน เพราะนอกจากเสียงอันดังแล้ว เนื้อความในการตวาดจะเป็นไปทางลบ (ในขณะที่การตะโกนอาจจะไม่ได้มีเนื้อความทางลบ) ซึ่งเด็กที่ได้รับการตวาด ตัวตนของเขาได้รับการกระทบกระเทือน เหมือนกับตัวเพนกวินน้อยที่ตัวของเขาแตกกระจายออกจากกัน

.

ด้วยความอยากรู้ว่า เด็ก ๆ จะรู้สึกและคิดอย่างไรกับนิทานเรื่องนี้ จึงได้นำนิทานไปเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง และทำกิจกรรมร่วมกัน

.

******************************

.

กิจกรรม ตามหาชิ้นส่วนของลูกเพนกวิน

.

ก่อนเริ่มเล่านิทาน ได้อ่านชื่อหนังสือให้เด็ก ๆ ฟังว่า แม่จ๋า อย่าโมโห เด็ก ๆ รีบยกมือแล้วบอกเราทันทีว่า พวกเขาต่างเคยทำให้เเม่และพ่อโมโห

เด็กคนหนึ่งบอกว่า เขาไม่ยอมนอน จนแม่โมโหและตะโกนเสียงดังไล่เขาให้ไปนอน

อีกคนบอกว่า เขาไม่ยอมแปรงฟัน แม่เลยปรี๊ดแล้วตวาดใส่

น้องคนเล็กของกลุ่มบอกว่า เขาเคยแอบแกล้งแม่ ด้วยการไปจั๊กจี้เอวแม่ แม่เลยทำน้ำหกเลย

.

ระหว่างฟังนิทาน เด็ก ๆ ขำมากที่ชิ้นส่วนของเจ้าลูกเพนกวินกระจายไปในที่ ๆ ห่างไกลกัน ที่ขำก้ากกันเลย น่าจะเป็นตอนที่ก้นกระเด็นไปอยู่กลางสี่แยกไฟแดง และปีกทั้งสองที่ไปอยู่บนตัวเสือ

.

เมื่อฟังนิทานจบ ได้ให้เด็ก ๆ ออกไปตามหาชิ้นส่วนของลูกเพนกวินที่ถูกซ่อนไว้ในสวน

.

เด็ก ๆ รีบวิ่งออกไปตามหาทันที พวกเขาบอกว่า เป็นห่วง และสงสารลูกเพนกวินมาก ๆ

.

เมื่อได้ชิ้นส่วนของลูกเพนกวินครบแล้ว ได้ให้เด็ก ๆ ช่วยกันประกอบและระบายสีตัวลูกเพนกวิน ก่อนจะส่งคืนแม่เพนกวิน

พวกเขาช่วยกันแปะเทปกาวลงบนตัวของลูกเพนกวิน เพื่อประกอบร่างเข้าด้วยกัน

.

ระหว่างนั้นเราถามเขาว่า เด็ก ๆ คิดว่า ทำไมลูกเพนกวินถึงแตกกระเจิงขนาดนี้

เด็กคนหนึ่งตอบเราว่า เพราะคำพูดของแม่เพนกวินทำร้ายลูกเพนกวิน ตัวของเขาเลยแตกกระจาย"

.

ก่อนจะจบกิจกรรม เด็กคนหนึ่งบอกว่า "แม่รักลูกมาก แต่บางครั้งลูกก็ซนจริง ๆ และนั่นก็เลยทำให้แม่ตวาดลูก

เด็กทุกคนเห็นด้วย แต่พอถามว่า แล้วจะทำอย่างไรดีให้แม่ไม่ตวาดเรา

เด็กทุกคนตอบว่า ต้องไม่ดื้อ ไม่ซน

แต่พอถามว่า เราทำได้ไหม

ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ม่ายด้ายยยยย

สัจธรรมก็ยังคงเป็นสัจธรรม เพราะเด็กก็คือเด็ก

ธรรมชาติของเขา คือ ความซนและความดื้อ

.

ก่อนจะจบกิจกรรมได้ถามเด็ก ๆ ว่า "อยากให้แม่ทำอย่างไรดี ถ้าเราดื้อ

เด็กคนแรก ตอบว่า อยากให้แม่บอกดี ๆ

เด็กคนที่สอง ตอบว่า อยากให้แม่ทำให้ดู

เด็กคนที่สาม ตอบว่า อยากให้แม่ใจเย็น ๆ

เด็กคนที่สี่ ตอบว่า อยากให้เเม่พูดเบา ๆ

และน้องเล็กคนสุดท้ายของกลุ่ม ตอบว่า อยากให้แม่กอด

.

คำถามสุดท้ายที่ถามเด็ก ๆ คือ ถ้าแม่ตวาดเราเหมือนแม่เพนกวิน เราจะรู้สึกอย่างไร และเราจะทำอย่างไรดี

เด็กคนแรก ตอบว่า รู้สึกเสียใจ แต่ก็คงไม่แตกกระจายแบบลูกเพนกวิน

เด็กคนที่สอง ตอบว่า รู้สึกเศร้า และไม่ชอบ ไม่อยากอยู่ตรงนั้น

เด็กคนที่สาม ตอบว่า รู้สึกเศร้า แต่ไม่โกรธ เพราะเราซนเอง อยากขอโทษแม่

เด็กคนที่สี่ ตอบว่า รู้สึกไม่ชอบ แต่รักแม่เหมือนเดิม

และน้องเล็กคนสุดท้ายของกลุ่ม ตอบว่า รู้สึกเศร้า จะร้องไห้ และกอดแม่

.

******************************

.

มุมมองของเด็ก ๆ ที่มีต่อแม่ของพวกเขา ทำให้รับรู้ได้ว่า "แม่เป็นคนสำคัญของลูก ทุกคำพูดและการกระทำของเราสามารถส่งผลต่อจิตใจดวงน้อย ๆ ของพวกเขา ไม่ว่าแม่จะทำกับลูกเช่นไร พวกเขาจะยังรักและต้องการความรักจากเราเสมอ"

.

แม้ว่า พ่อแม่จะเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แต่ถ้าเราต้องจัดการลูก ณ เวลาที่เราไม่พร้อม เอาตัวเองออกมา ไม่จำเป็นต้องจัดการปัญหาตอนนั้น ถ้าคิดไม่ออกว่าต้องพูดหรือทำอะไร การไม่พูดหรือทำอะไรอาจจะดีที่สุด เพราะคำพูดและการกระทำไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ ลูกเรามีคนเดียว จิตใจของเขาหากพังแล้ว คงไม่สามารถซ่อมด้วยการแปะเทปกาว

.

ถ้าหากวันนี้เราพูดแล้วลูกไม่ฟัง ให้กลับไปทบทวนสามข้อนี้เสมอ

(1) สายสัมพันธ์ระหว่างเรากับลูกยังดีอยู่ไหม

(2) เราพูดคำไหนคำนั้นหรือเปล่า

(3) สิ่งนั้นยากเกินไปหรือเกินวัยของเขาหรือไม่

.

ด้วยรักจากใจ

เม

เพจตามใจนักจิตวิทยา

.

ขอบคุณทางสนพ. SandClock Books

ที่ส่งหนังสือนิทานมาให้ค่ะ