Description
PHARMA NORD K-Pearls (K2) 75mcg. 60 Capsules
ฟาร์มา นอร์ด เค-เพิร์ลส (เค2) 75 ไมโครกรัม 60 เม็ด
วิตามิน K (Vitamin K) คืออะไร?
วิตามิน K จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินชนิดที่ละลายในไขมันเช่นเดียวกับวิตามิน A, D และ E วิตามิน K ถูกค้นพบโดยนักชีวเคมีชาวเดนมาร์ก ชื่อ Henrik Dam ในปี ค.ศ.1929 ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลในเวลาต่อมา ที่ตั้งชื่อว่าวิตามิน K นั้น มาจากคำว่า coagulation (หรือKoagulation ในภาษาเยอรมันและเดนมาร์ก) ซึ่งหมายถึงความสามารถในการแข็งตัวของเลือดและมันใช้เวลานานเท่าไหร่ ภายหลังต่อมาพบว่ามีวิตามิน K มี2ชนิด คือ วิตามิน K1 (ไฟโลควินโนน,Phylloquinone)และ วิตามิน K2 (เมนาควิโนน,menaquinone) นอกจากนี้ยังมีวิตามิน K ที่ได้จากการสังเคราะห์คือวิตามิน K3 (เมนาไดโอน,Menadione) ซึ่งไม่ได้นำมาใช้เป็นอาหารเสริม
วิตามิน K1 และ K2 ต่างกันอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไรกับร่างกายบ้าง
วิตามิน K1 พบได้ในผักใบเขียว สามารถพบการขาดวิตามิน K1 พบได้น้อยเนื่องจากสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Recycling) หน้าที่หลักคือ เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดการแข็งตัวที่เกล็ดเลือดในกรณีที่เกิดบาดแผล (Coagulation) ภายในตับ โดยมากแล้วจะอยู่ที่ตับเป็นส่วนใหญ่ วิตามิน K1 สามารถอยู่ในร่างกายได้ประมาณ 1.5 ชั่วโมง
วิตามิน K2 พบได้ในอาหารจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์, ตับ, ไข่, ผลิตภัณฑ์จากนม และยังพบได้ในผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองหมัก,ชีส และกะหล่ำปลีดอง (sauerkraut) ที่ผ่านกระบวนการหมัก สามารถพบการขาดวิตามิน K2 ได้ทั่วไป วิตามิน K2 มีหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดการแข็งตัวที่เกล็ดเลือดในกรณีที่เกิดบาดแผล (Coagulation) ทั้งภายในและนอกตับ มีส่วนช่วยในการรักษาระดับแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ กระตุ้นโปรตีนที่มีส่วนในการสร้างกระดูก นอกจากนี้ยังสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย โดยวิตามิน K2 จะสามารถพบได้ในอวัยวะต่างๆภายนอกตับ วิตามิน K2 สามารถอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 72 ชั่วโมงเลยทีเดียว
วิตามิน K ถือเป็นวิตามินที่มีความสำคัญเนื่องจากทำงานร่วมกันกับวิตามิน D ในการเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก ลดความเสี่ยงการเกิดกระดูกหัก และยับยั้งการสะสมของแคลเซียมที่หลอดเลือด และเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของหินปูน (Vascular calcification, soft tissue calcification)
วิตามิน K2 กับประโยชน์ต่อกระดูก
มีการศึกษาพบว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงที่อายุ 50 ปีขึ้นไป และ 1 ใน 5 ของผู้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไปพบปัญหาเกี่ยวกับกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน (Osteoporotic fractures) เนื่องจากอายุที่มากขึ้นทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง ในทางกลับกันก็สามารถสะสมแคลเซียมไว้ที่ส่วนต่างๆนอกกระดูกได้มากขึ้น
วิตามิน D จะทำหน้าที่ในการเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างฮอร์โมนชื่อ “ออสทีโอแคลซิน” (Osteocalcin) ที่อยู่ในออสทีโอบลาส (Osteoblast) ซึ่งเป็นเซลล์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในการสร้างเนื้อกระดูก และอาศัย วิตามิน K2 ในการกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนออสทีโอแคลซินให้ดูดซึมแคลเซียมเพื่อใช้ในการสร้างกระดูก เมื่อวิตามินทั้งสองตัวทำงานร่วมกันจึงมีการเสริมสร้างเนื้อกระดูกได้นั่นเอง
จากที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า การรับประทานวิตามิน K2 + D3 จึงมีประโยชน์อย่างมากในการเสริมสร้างเนื้อกระดูก
วิตามิน K2 กับประโยชน์ต่อหัวใจ
สำหรับผู้รักในการดูแลสุขภาพ เมื่ออายุมากขึ้นอาหารเสริมอย่างนึงที่เป็นที่นิยม 1 ตัวเลือกหลักๆคงหนีไม่พ้น “แคลเซียม” ปฏิเสธไม่ได้ว่าแคลเซียมมีผลดีกับกระดูกเป็นอย่างมาก แต่ก็เลี่ยงที่จะพูดถึงความเสี่ยงที่แคลเซียมอาจไปสะสมอยู่ที่หลอดเลือดแดงไม่ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคต่างๆอีกด้วยเช่น หัวใจขาดเลือด และโรคหัวใจชนิดอื่นๆตามมา มีการศึกษาหลายการศึกษาระบุว่าการรับประทานวิตามิน K2 สามารถป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ทั้งโรคหัวใจขาดเลือด (Myocardial infarction) และโรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) เนื่องจากการทานรับประทานวิตามิน K2 สามารถเข้าไปลดการเกาะตัวของแคลเซียมที่หลอดเลือดแดงได้ จึงสามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
วิตามิน K2 กับประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน
มีการศึกษาระบุว่าผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีภาวะขาดวิตามิน K ตอนติดเชื้อโควิด-19 ระดับความรุนแรงของโรคมีความรุนแรงมากกว่าคนที่ร่างกายไม่ขาดวิตามิน K นอกเหนือจากเชื้อโควิด-19 แล้วในผู้ป่วยที่ติดเชื้ออื่นๆ เมื่อตรวจวัดระดับ IL-6 ที่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการอักเสบในร่างกายก็สามารถตรวจพบในขนาดสูง ซึ่งหมายถึงเกิดการอักเสบในร่างกายมาก
วิตามิน K กับการแข็งตัวของเลือด
วิตามิน K ยังเป็นสารที่มีความจำเป็นในกระบวนการแข็งตัวของเลือดเพราะ วิตามิน K จำเป็นสำหรับการสร้างสารโปรทรอมบิน (prothrombin) และสารอื่นๆที่จำเป็นในการแข็งตัวของเลือดที่เรียกว่าเฟคเตอร์ VII, IX และ X
วิตามิน K กับ แบคทีเรียในลำไส้
ผักและผลไม้ที่ช่วยบำรุงแบคทีเรียชนิดที่ดีในลำไส้ส่วนใหญ่มีวิตามิน K1 มากกว่าวิตามิน K2 อย่างไรก็ตาม แบคทีเรียในลำไส้เหล่านี้ผลิต วิตามิน K2ได้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อาหารที่อุดมด้วยเส้นใยก็มีประโยชน์ต่อแบคทีเรียชนิดที่ดีของร่างกาย
เค-เพิร์ลส (K-Pearls) คือ อะไร?
เค-เพิร์ลส เป็นอาหารเสริมรูปแบบเม็ดแคปซูลเจลาตินชนิดนิ่มแต่ละเม็ดประกอบด้วยวิตามิน K2 (เมนาควิโนน MK-7) โดยวิตามิน K2 ถูกนำมาละลายในน้ำมันมะกอกสกัดเย็น เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึม เม็ดแคปซูลมีขนาดเล็กทำให้กลืนได้ง่าย หรือ เคี้ยวได้ ควรรับประทานพร้อมอาหาร
วิตามิน K2 (เมนาควิโนน MK7) ละลายในน้ำมันมะกอกสกัดเย็น
100% ของปริมาณที่ต้องการต่อวัน
บำรุงสุขภาพของกระดูก และ การแข็งตัวของเลือดให้ปกติ
เม็ดเจลาตินขนาดเล็ก รับประทานง่าย
All-Trans MK-7
ในธรรมชาติ โครงสร้างทางเคมีของโมเลกุลวิตามินเคพบการจัดเรียงตัวได้ใน 2รู ปแบบ คือแบบทรานส์ (trans) และแบบซิส (cis) มีเพียงรูปแบบ ทรานส์ของ MK-7 ที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพในขณะที่รูปแบบซิส (cis) ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ K-Pearls เป็นรูปแบบทรานส์ (trans)ทั้งหมด จึงทำให้ออกฤทธิ์ได้ในทางชีวภาพ
วิตามิน K2 พบได้ในหลายรูปแบบ คือ MK-4 จนถึง MK-14 อย่างไรก็ตามแบบ MK-10ขึ้นไปพบได้น้อยมาก โดยตัวเลขที่ต่อจากMKนั้นแสดงถึงความยาวของโครงสร้างส่วนหางของโมเลกุลที่เกิดจากหน่วยของไอโซพรีน (isoprene units) ที่มาต่อกัน สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนั้นจะใช้ในรูปแบบ MK-7และ MK-4
Illustration of the vitamin K2 MK-7 molecule
ทำไมต้องเป็นวิตามิน K2 รูปแบบ MK-7?
เนื่องจากวิตามิน K2ในรูปแบบMK-7อยู่ในร่างกายได้นานกว่าวิตามิน K1 และวิตามิน K2 ในรูปแบบMK-4 จึงทำให้MK-7 มีประสิทธิผลมากกว่า ทั้งวิตามิน K1และวิตามิน K2ในรูปแบบMK-4 ถูกกำจัดและขับออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยปกติเรามีวิตามิน K เพียงเล็กน้อยในตับ,ม้ามและปอด
ขนาดรับประทาน
⚈ รับประทานวันละ 1 เม็ด ไม่ควรรับประทานเกินขนาดที่แนะนำนอกจากแพทย์สั่ง
*ควรรับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ และ ออกกำลังกายเป็นประจำ
ส่วนประกอบ
น้ำมันมะกอก,เจลาติน
กลีเซอรอล, น้ำ
วิตามิน K2(เมนาควิโนน MK-7)
ไอรอน ออกไซด์
การเก็บ
เก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นมือเด็ก
เลี่ยงแสงแดดและความร้อน
มี 60 แคปซูล น้ำหนักรวม 11 กรัม
อ.ย 10-3-05143-5-0007