แอลซีวิต พลัส เอ(LZVit Plus A) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีน และซีแซนทีน ผสมวิตามินเอ ชนิดแคปซูลกิฟฟารีน
฿580
Quantity/ 200 items available
1


Description

แอล ซี วิต พลัส เอ กิฟฟารีน


ตา คือส่วนรับแสงสะท้อนของร่างกาย

ทำให้สามารถมองเห็น และรับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้

ตาของบางคนจะไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และต้องใช้แว่น หรือคอนแทกต์เลนส์ จึงจะสามารถมองเห็นชัดเจนได้

อย่ารอจนตาใช้งานไม่ได้ ดูแลก่อนสายนะ

แอล ซี วิต พลัส เอ

แอลซีวิต พลัส เอ(LZVit Plus A) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีน และซีแซนทีน ผสมวิตามินเอ ชนิดแคปซูล ตรา กิฟฟารีน

ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxannthin) เป็นสารธรรมชาติที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด เป็นารในตระกูลของสารแคโรทีนอยด์ และพบได้ในบริเวณดวงตาตรงบริเวณเลนส์ตา และจอรับภาพของตา

ซึ่งในธรรมชาติแล้วแม้ว่าจะมี แคโรทีนอยด์มากกว่า 600 ชนิด แต่มีเพียงสาร 2 ชนิดนี้เท่านั้นที่พบในจุดรับภาพของจอตา


โดยสัตว์แต่ละชนิดจะมีอวัยวะรับแสงที่แตกต่างกัน ตาที่เรียบง่ายที่สุดจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยเว้นแต่การรับรู้ว่าสิ่งแวดล้อมนั้นมืดหรือสว่างเพื่อให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้ เช่น กลางวันหรือกลางคืน เป็นต้น แต่จะไม่สามารถรับรู้ออกมาเป็นภาพได้ ตาที่ซับซ้อนกว่าจะมีรูปทรงและสีที่เป็นเอกลักษณ์ ในระบบตาที่ซับซ้อน ตาแต่ละดวงจะสามารถรับภาพที่มีบริเวณที่ซ้อนทับกันได้ เพื่อให้สมองสามารถรับรู้ถึงความลึก หรือ ความเป็นสามมิติของภาพ เช่น ระบบตาของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ตาของสัตว์บางชนิด เช่น กระต่ายและกิ้งก่า ได้ถูกออกแบบมาให้มีส่วนของภาพที่ซ้อนทับกันน้อยที่สุด


เลนส์ ที่อยู่ส่วนข้างหน้าของตาทำหน้าที่เช่นเดียวกับเลนส์ของกล้อง เมื่อคนเราแก่ตัวลง


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับลูทีน ซีแซนทีน และวิตามิน เอ

ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxannthin) เป็นสารธรรมชาติที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด เป็นารในตระกูลของสารแคโรทีนอยด์ และพบได้ในบริเวณดวงตาตรงบริเวณเลนส์ตา และจอรับภาพของตา

ซึ่งในธรรมชาติแล้วแม้ว่าจะมี แคโรทีนอยด์มากกว่า 600 ชนิด แต่มีเพียงสาร 2 ชนิดนี้เท่านั้นที่พบในจุดรับภาพของจอตา และสารทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยกรอง หรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย โดยการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงทำหน้าที่บำรุงตา ทำให้จอตาไม่เสื่อมเร็ว พืชผักที่มีสารลูทีนและซีแซนทีนโดยมากมักจะเป็นผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสี เขียวเข้ม เช่น ข้าวโพด แครอท ฟักทอง ผักกาด ผักปวยเล้ง คะน้า ผักโขมฯ การบริโภคพืชผักที่มีลูทีนและซีแซนทีน หรือแม้แต่อาหารสุขภาพที่มีสารสำคัญนี้จะมีประโยชน์ในโรคหลายชนิดด้วยกัน ที่สำคัญคือ โรคต้อกระจก และโรคจุดรับภาพเสื่อม


โรคต้อกระจก


โรคต้อกระจก คือ ภาวะที่กระจกตา หรือเลนส์ตาขุ่น ทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปในตาได้ ตามปกติ ต้อกระจกไม่ใช่โรคติดต่อ ต้อกระจกจะค่อยๆ ขุ่นไปอย่างช้าๆ ใช้เวลาเป็นปีๆ และสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด



โรคจุดรับภาพเสื่อม


โรคนี้เกิดจากการเสื่อมของจุดรับภาพ (Macular) วึ่งเป็นกลางจอตา (Retina) ทำให้การมองเห็นภาพเบลอบิดเบี้ยว บางครั้งอาจรุนแรงขนาดเห็นจุดดำมาบังภาพอยู่ตลอดเวลา


ลูทีนและซีแซนทีนกับโรคต้อกระจก


กลไกของลูทีนและซีแซนทีน สามารถลด ป้องกัน หรือชะลอการเกิดต้อกระจกได้นั้น เป็นเพราะลดกลไกการเกิดความเสื่อมของโรคต้อกระจกโดยตรง (อ้างอิงที่ 1) และการที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (อ้างอิงที่ 2, 3) เพราะอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดต้อกระจก (อ้างอิงที่ 4) มีการวิจัยในกลุ่มผู้สูงอายุต่างๆ พบว่ากลุ่มที่มีระดับของลูทีนและซีแซนทีนในกระแสเลือดสูง จะมีความขุ่นของเลนส์ตาน้อยกว่า ซึ่งเป็นการวิจัยของจักษุแพทย์ และผู้วิจัยสรุปว่า ลูทีนและซีแซนทีนน่าจะลดการเกิดความเสื่อมของเลนส์ตาในผู้สูงอายุได้จริง

ลูทีนและซีแซนทีนกับโรคจุดรับภาพเสื่อม


นอกจากลูทีนและซีแซนทีนจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกแล้ว ยังพบว่ามีประโยชน์ต่อโรคจุดรับภาพเสื่อม ซึ่งมีหลายๆ การศึกษาสนับสนุนข้อมูลดังกล่าว โดยพบว่าถ้าปริมาณลูทีนและซีแซนทีนในลูกตาลดน้อยลง จะพบความเสื่อมมากขึ้นในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อม (อ้างอิงที่ 10) และความเสี่ยงในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อมจะลดลงหากมีปริมาณลูทีนและซีแซนที นในเลือดสูงขึ้น (อ้างอิงที่ 11, 12) แสดงให้เห็นว่าการบริโภคอาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีนสามารถช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคได้


วิตามิน เอ


วิตามิน เอ มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ที่สำคัญคือ ช่วยในการมองเห็น (อ้างอิงที่ 13) โดนำไปร่วมใช้ในการสร้างสารที่ใช้ในการมองเห็น หากขาดจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย และทำให้เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามิน เอ อย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้


อาหารเสริมบำรุงดวงตา ดูแลดวงตา จอตา

ตาพร่ามัว ปวดตา ตาล้า ใช้สายตาเยอะ

ป้องกันไว้ ก่อนจะสายเกินไป ตาเสียแล้วมีเงินก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้


🌸ประโยชน์ของแอล ซี วิต พลัส เอ🌸

👉 ช่วยให้ดวงตาแข็งแรง ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม

👉ลดความเสี่ยงจากโรคจอตาเสื่อม

👉 ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจก

👉ทำหน้าที่ช่วยให้มองภาพได้คมชัดขึ้น

👉บำรุงจอตา ช่วยในการมองเห็น

👉จ้องจอ(โทรศัพท์, แท็ปเล็ด, คอมพิวเตอร์, ทีวี, แสงแดด, ขับรถ)นานเกิน 5 นาที

👉ลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งเต้านม

👉ลดความเสี่ยงจากเบาหวานขึ้นตา

👉ลดความเสี่ยงจากโรคที่เกิดจากแสงสีฟ้า

อาหารเสริมบำรุงดวงตา ดูแลดวงตา จอตา

ตาพร่ามัว ปวดตา ตาล้า ใช้สายตาเยอะ มองไม่ชัด

ป้องกันไว้ ก่อนจะสายเกินไป ตาเสียแล้วรักษายาก ค่าใช้จ่ายสูง


#ต้อกระจก #กลัวตาบอด #ภาพเบลอ #มองไม่ชัด #เคืองตา #ภาพซ้อน #ปลายประสาทตาอักเสบ #มีจุดดำหรือเส้นสายฟ้าบดบังภาพ

สัญญานเตือนเราแล้วครับ อย่ารอจนตาใช้งานไม่ได้ ดูแลก่อนสายนะ


◀️ลูทีน💧➡️ โดยธรรมชาตินั้น ลูทีน (Lutein) เป็นสารธรรมชาติที่มีในนมมารดา และ ในพืชผักผลไม้หลายชนิด ร่างกายของคนเราไม่สามารถสังเคราะห์สารลูทีนขึ้นมา ใช้เองได้ จะต้องกินเข้าไปเท่านั้น

▶️ ซีแซนทีน💧➡️(Zeaxanthin) พบได้ในพริก ดอกดาวเรือง โกจิเบอร์รี่ เป็นต้น เรามักพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีลูทีนคู่มากับซีแซนทีน เนื่องจาก สารทั้งสองชนิด เป็นสารประเภทเดียวกัน และมีความคล้ายคลึงกันมาก

▶️ วิตามิน เอ💧➡️โดยธรรมชาติ อยู่ในผักใบเขียว ใบเหลือง ไข่แดง ตับ นม เนย ปลา มะเขือเทศ แครอท เป็นต้น

แอล ซี วิต พลัส เอ

แอลซีวิต พลัส เอ(LZVit Plus A) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลูทีน และซีแซนทีน ผสมวิตามินเอ ชนิดแคปซูล ตรา กิฟฟารีน

ส่วนประกอบสำคัญโดยประมาณใน 1 แคปซูล :

✴️ ลูทีน 20% 15.75 มิลลิกรัม (ให้ ลูทีน 3.15 มิลลิกรัม)

✴️ ซีแซนทีน 20% 15.75 มิลลิกรัม (ให้ ซีแซนทีน 3.15 มิลลิกรัม)

✴️ วิตามิน เอ แพลมิเทต 1,332 มิลลิกรัม (ให้ วิตามิน เอ 1,332 หน่วยสากล)

เลขที่จดแจ้งอย. 13-1-03440-1-0126

#ต้อกระจก #กลัวตาบอด #ภาพเบลอ #มองไม่ชัด #เคืองตา #ภาพซ้อน #ปลายประสาทตาอักเสบ #มีจุดดำหรือเส้นสายฟ้าบดบังภาพ


บทความทางการแพทย์ เบาหวานขึ้นตา…ปล่อยไว้นานอาจตาบอดได้

เบาหวานเป็นโรคที่พบได้บ่อย และสถิติผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศไทยก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ล่าสุด...มีการสำรวจพบว่ามีประชากรไทยมากกว่า 3 ล้านคนที่เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งโรคดังกล่าวเป็นโรคที่ทำให้เกิดความผิดปกติกับเนื้อเยื่อ และอวัยวะในร่างกาย รวมถึง ดวงตา ซึ่งเรามักเรียกอาการนี้ว่า โรค เบาหวานขึ้นตา นั่นเอง


เบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy) เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เกิดจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน ทำให้เส้นเลือดที่จอประสาทตา (Retina) ได้รับความเสียหายจากน้ำตาลอุดตันทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติ ในช่วงแรกอาจไม่พบอาการ หรือมีการมองเห็นผิดปกติเพียงเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้ และไม่รับการรักษาจนมีอาการรุนแรง อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด


อาการของโรค เบาหวานขึ้นตา

ในระยะแรกของโรคเบาหวานขึ้นตา อาจจะยังไม่พบอาการ หรือความผิดปกติในการมองเห็น แต่เมื่อมีความรุนแรงมากขึ้น จะพบอาการต่างๆ เช่น


มองเห็นจุดหรือเส้นสีดำคล้ายหยากไย่ลอยไปมา

มองเห็นภาพบิดเบี้ยว

ตามัว การมองเห็นแย่ลง สายตาไม่คงที่

แยกแยะสีได้ยากขึ้น

ภาพที่มองเห็นมืดเป็นแถบๆ

สูญเสียการมองเห็น

สาเหตุของโรคเบาหวานขึ้นตา

เบาหวานขึ้นตาเกิดจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเป็นเวลานาน ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยที่ไปหล่อเลี้ยงจอตาโป่งพองเป็นหย่อมๆ จากผนังหลอดเลือดผิดปกติ ทำให้เลือดและน้ำเหลืองซึมออกมาจากหลอดเลือด กระจายทั่วจอประสาทตา และเส้นเลือดใหญ่ที่จอตาจะเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นผิดปกติ รวมถึงเส้นใยประสาทของจอตาและจุดภาพชัด (Macula) อาจเริ่มมีอาการบวม ในระยะเริ่มแรกอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่หากมีการอุดตันของเส้นเลือด ที่เพิ่มมากขึ้นอาจทำให้มีอาการรุนแรงได้


เมื่อหลอดเลือดที่จอประสาทตาเสียหาย ร่างกายก็จะสร้างหลอดเลือดใหม่มาทดแทน แต่หลอดเลือดที่สร้างใหม่มีผนังไม่แข็งแรง ฉีกขาดได้ง่าย ทำให้มีเลือดรั่วซึมออกมาที่บริเวณวุ้นตา และอาจทำให้เกิดแผลเป็นซึ่งเป็นสาเหตุให้จอตาลอกออกจากด้านหลังของดวงตา หรือถ้าหากเส้นเลือดใหม่ที่เกิดขึ้นไปแทรกแซงการระบายน้ำออกจากลูกตา ส่งผลให้ความดันตาสูงขึ้น เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ส่งภาพจากดวงตาไปยังสมอง ก็จะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต้อหินได้


มีปัจจัยมากมายที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นตา เช่น ระยะเวลาของการเป็นโรคเบาหวาน ยิ่งเป็นนานก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูง การไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ หรือ อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ เป็นต้น


ป้องกันโรคเบาหวานขึ้นตาได้ก่อนจะสายไป!

สิ่งแรกเลยก็คือการป้องกันหรือลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว ก็ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารที่มีรสเค็ม หวาน และมีไขมันสูง ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักโดยให้มีค่าดัชนีมวลร่างกาย (BMI) อยู่ที่ระหว่าง 18.5-24.9 | อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน | | อาหารมังสวิรัติสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน |


เลิกสูบบุหรี่ และเลิกการดื่มแอลกอฮอล์

รับประทานยารักษาเบาหวานตามกำหนดที่แพทย์สั่ง

ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อาจจะใช้เครื่องวัดน้ำตาล เป็นตัวช่วยควบคุม

ควบคุมระดับความดัน โดยที่ระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรเกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท (mmHg)

ควบคุมระดับไขมันในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานควรมีระดับไขมันในเลือดไม่เกินกว่าค่าปกติ

สังเกตความเปลี่ยนแปลงของการมองเห็น และควรไปพบแพทย์โดยด่วนหากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของการมองเห็นอย่างฉับพลัน เช่น ตามัว มองไม่ชัด หรือมองเห็นเป็นจุดดำ เป็นต้น

ผู้ป่วยเบาหวานควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตาเป็นประจำทุกปี ถึงแม้ว่าการมองเห็นจะยังคงเป็นปกติก็ตาม

ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะการตั้งครรภ์ออาจทำให้อาการต่างๆ ของเบาหวานขึ้นตารุนแรงขึ้นได้ ควรตรวจตาทันทีที่ตั้งครรภ์หรือใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์

ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนหากพบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นอย่างฉับพลัน

การรักษาเบาหวานขึ้นตา

การรักษามีจุดประสงค์เพื่อชะลอหรือยับยั้งอาการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยวิธีการรักษาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของอาการ


การรักษาเบาหวานขึ้นตาระยะเริ่มแรก ซึ่งเป็นระยะที่ยังไม่มีเส้นเลือดเกิดใหม่ หากมีอาการเพียงเล็กน้อยจนถึงอาการในระดับปานกลาง อาจยังไม่จำเป็นต้องรักษาในทันที แต่แพทย์จะคอยสังเกตอาการหรือความผิดปกติของดวงตาอย่างใกล้ชิด ในระยะนี้ผู้ป่วยอาจต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อยับยั้งไม่ให้อาการลุกลาม

การรักษาเบาหวานขึ้นตาระยะก้าวหน้า ซึ่งเป็นระยะที่มีเส้นเลือดเกิดใหม่ ในระยะนี้ผู้ป่วยอาจต้องรักษาด้วยเลเซอร์หรือผ่าตัด ซึ่งวิธีการก็จะแตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับแต่ละปัญหาของจอตา

ภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานขึ้นตา

เลือดออกในวุ้นตา

อาจทำให้ผู้ป่วยมองเห็นเป็นจุดสีดำลอยไปมา แต่หากมีเลือดซึมออกมาในปริมาณมากอาจบังการมองเห็นทั้งหมดได้ โดยปกติแล้วผู้ป่วยที่มีเลือดออกในวุ้นตาจะไม่สูญเสียการมองเห็นแบบถาวร อาจใช้เวลาในการกำจัดเลือดออกจากวุ้นตาประมาณ 2-3 สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน ผู้ป่วยก็อาจกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจน


จอตาลอก

เป็นผลมาจากแผลเป็นที่เกิดขึ้นนั้นดึงจอตาให้หลุดลอกออกจากด้านหลังของดวงตา ซึ่งอาจทำให้เกิดจุดดำลอยไปมาในเวลามองสิ่งต่างๆ มองเห็นแสงวาบ หรือสูญเสียการมองเห็นขั้นรุนแรง


ต้อหิน

เป็นผลมาจากกลุ่มเส้นเลือดใหม่ที่อาจเกิดขึ้นบริเวณด้านหน้าของดวงตา และไปแทรกแซงการระบายน้ำออกจากลูกตา ส่งผลให้ความดันตาสูงขึ้น เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ส่งภาพจากดวงตาไปยังสมอง

สูญเสียการมองเห็น

ภาวะเบาหวานขึ้นตาหรือต้อหิน สุดท้ายแล้วอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้

💥มองภาพไม่ชัด 💥ตาพร่ามัว 💥ภาพเบลอ

💥ปวดตา 💥ใช้สายตาเยอะ 💥ตาแห้ง

💥ต้อกระจก 💥จอประสาทตาเสื่อม


เลขที่จดแจ้ง อย.13-103440-1-0126

วิธีรับประทาน

รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหารเช้า-เย็น

ราคากล่องล่ะ580บาท ส่งฟรี

มีบริการเก็บเงินปลายทาง