ปุ๋ยเกล็ดกรีนลีฟส์ สูตร 6-32-32 1kg. ปุ๋ยเกล็ดฉีดพ่นทางใบ เร่งดอก ติดผล เร่งลูก เร่งผล เพิ่มน้ำหนัก
฿155
Quantity/ 50 items available
1

An Image

ETG168

Go to shop


Description

ชื่อการค้า : กรีนลีฟส์ 6-32-32

 คุณสมบัติ : เป็นปุ๋ยเคมีชนิดเกล็ดผงประกอบด้วยปริมาณธาตุอาหารรับรอง ดังนี้

                   ไนโตรเจนทั้งหมด (N).................................................. 6 %

                   ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ (P2O5)................................32 %

                   โพแทสเซียมที่ละลายน้ำ (K2O)....................................32 %

ปริมาณธาตุอาหารรอง

               แมกนีเซียม (MgO)...................................................0.11%

ปริมาณธาตุอาหารเสริม

                  เหล็ก (Fe)..............................................................0.052 %

                  แมงกานีส (Mn)......................................................0.052 %

                 ทองแดง (Cu)..........................................................0.017 %

                 สังกะสี (Zn)............................................................0.017 %

                 โบรอน (B)..............................................................0.005 %

                 โมลิบดินัม (Mo)......................................................0.001 %

 

ประโยชน์ :

สามารถละลายน้ำได้ และพืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารเข้าทางรากและใบ ซึ่งจะช่วยในการเสริมสร้างให้ พืชออกดอก ติดผล และลงหัวตามฤดูกาล

 

พืชที่แนะนำและอัตราการใช้ :

แตงต่างๆ ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา มะเขือเทศ มะเขือต่างๆ ผักกาดหอม ไม้ดอกไม้ประดับและไม้ผล อัตราการใช้ 50-100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร

พืชผักตระกูลกะหล่ำ อัตราการใช้ 75-100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร

พืชหัว หอม แครอท มันฝรั่ง สับปะรด อัตราการใช้ 75-100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร

 

คำแนะนำ :

ควรอ่านคำแนะนำเอกสารกับปุ๋ยให้เข้าใจเสียก่อน หากไม่เข้าใจหรือมีปัญหา ให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตร ในท้องถิ่น เพื่อให้การใช้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพขึ้น และไม่ควรใช้เกินอัตราที่กำหนดเพราะจะเป็นอันตรายกับพืชได้

 

ข้อควรระวัง :

1.โดยทั่วไปแล้ว ปุ๋ยเคมีพ่นทางใบ พืชใช้ประโยชน์ได้น้อย ควรใช้เป็นปุ๋ยเสริมกับการให้ปุ๋ยทางดิน

2.ควรพ่นในเวลาเช้าหรือเย็น ในเวลาที่อากาศไม่ร้อน ลมไม่พัดแรง และคาดว่าฝนไม่ตก

3.ขณะที่พ่น พืชต้องไม่เหี่ยวเฉาหรือขาดน้ำ

4.การพ่นอย่าให้ถึงเปียกโชก เพราะจะทำให้เสียค่าปุ๋ยเพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพปุ๋ยที่ใช้พ่นทางใบเมื่อตกลงดิน จะมีประสิทธิภาพเท่ากับปุ๋ยที่ใส่ทางดิน

5.ควรเก็บรักษาปุ๋ยเคมีในภาชนะที่มิดชิด ในที่ร่มและแห้ง และควรเก็บปุ๋ยเคมีไว้ในที่ปลอดภัย ห่างไกลจากมือเด็ก