Description
ประโยชน์ของวิตามินดีที่มีต่อร่างกาย
1. เสริมกระดูกให้ทุกวัย
วิตามินดี ทำหน้าที่ในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเสริมสร้างมวลกระดูก หากร่างกายมีแคลเซียลไม่เพียงพอต่อความต้องการ มวลกระดูกจะสลายตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนได้ง่าย และโรคนี้มักพบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ ดังนั้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรคกระดูกพรุนสามารถทำได้โดยการรับประทานวิตามินดีปริมาณสูงที่จะช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้ รักษาสมดุลแคลเซียมในร่างกาย ลดการสลายแคลเซียมให้กระดูกแข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย เพื่อเป็นลดการบาดเจ็บและกระดูกหักจากการหกล้มของผู้สูงอายุ
2. เสริมสร้างความแข็งแรงและภูมิต้านทานให้ร่างกาย
ภูมิคุ้มกันเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมได้ดี อีกบทบาทหนึ่งของวิตามินดีคือ การเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานในร่างกาย เพราะการมีระดับวิตามินดีที่เพียงพอจะช่วยเสริมภูมิต้านทานป้องกันการติดเชื้อ ทำให้เม็ดเลือดขาวตอบสนองต่อเชื้อโรค แบคทีเรีย เชื้อไวรัส และสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายได้เป็นอย่างดี
3. ป้องกันการขาดวิตามินดี
การรับประทานวิตามินดีเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน และปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการขาดวิตามินดี ปริมาณวิตามินดีที่ร่างกายควรได้รับในต่อละวันอยู่ที่ 600-800 IU โดยควรรับประทานเป็นประจำ และในผู้ที่ขาดวิตามินดี ควรได้รับ 1,000-4,000 IU ต่อวันจึงสามารถเพิ่มระดับวิตามินดีในกระแสเลือดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อร่างกายที่แข็งแรง มีภูมิต้านทาน และไม่เจ็บป่วยหรือติดเชื้อได้ง่าย
4.อีกหนึ่งโรคที่มีความคล้ายคลึงกับโรคกระดูกพรุน คือ โรคกระดูกบาง กลุ่มผู้ที่ขาดวิตามินดีและแคลเซียมที่มักพบในกลุ่มเด็ก วัยรุ่น และวัยทำงาน โดยจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแขนและขา ซึ่งการรับประทานวิตามินดีก็จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อด้วยเหมือนกัน
ขนาดรับประทาน : ผู้ใหญ่ รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร
อาการข้างเคียง : ไม่พบรายงานการเกิดอาการข้างเคียงในขนาดรับประทานที่แนะนำ (วันละ 1,000 หน่วยสากล)
ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวัง
* สตรีมีครรภ์ และสตรีในระยะให้น้ำนมบุตร
* วิตามินดี มีข้อห้ามใช้ผู้ที่มีภาวะ Hypercalcemia และผู้ที่มีภาวะเป็นพิษจากวิตามินดี (Vitamin D toxicity)