Sorry, this shop is temporarily unavailable.
เฉ่งจุ้ยโจวซือ” 清水祖師
฿12,000

Description

ประเทศจีนในรัชสมัยราชวงศ์ซ้อง มีเด็กชายผู้หนึ่ง ชื่อว่า ตันพ้อจอก (เฉิน ผู่ จู้ - จีนกลาง)  陳普足ได้ถือกำเนิดขึ้นวัน ๖ ค่ำ เดือน ๑ ตามปฏิทินจีน 正月初六 แต่ปี พ.ศ. กำเนิดต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกัน คือ พ.ศ. ๑๕๕๔ พ.ศ. ๑๕๘๗ และ พ.ศ. ๑๕๙๐ แต่ในที่นี้ใช้ พ.ศ. ๑๕๘๗ เป็นหลัก (ตามที่นายจี้หยวน นักวิจัยมหาวิทยาลัยแห่งชาติเฉิงชี ไทเป ไต้หวัน ซึ่งเขาได้อ้างอิงจากบทความของหลิน ซีสุ้ย จากวารสารภาคผนวกของวารสารอายุ่ย พิมพ์ที่ไทเปโดยสมาคมอันซีแห่งไทเป เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐) ตรงกับราชวงศ์ซ้อง 宋朝รัชสมัยฮ่องเต้ซ้องเหรินจง (จ้าวเจิน) ใช้ปีรัชกาลว่า ชิงหลี่ เป็นปีที่ ๗ แห่งราชวงศ์ซ้องเหนือ ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. ๑๕๖๖ - ๑๖๐๖ มีเมืองไคฟงเป็นเมืองหลวง นามบิดามารดามิได้ปรากฏ ณ เชิงเขาเก่าซาน 高泰山 หมู่บ้านเสียวก้อ 小姑 เมืองเอ่งฉุ้น 永春 ตำบลหยงชุน คือ อำเภอหยงชุน จังหวัดเฉวียนโจว มณฑลฮกเกี้ยน 福建แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กชายตันพ้อจอกแตกต่างจากชาวจีนฮั่นโดยทั่วไปก็คือ ท่านมีผิวดำ ตัวดำ หน้าดำ จมูกโด่งและงองุ้ม ซึ่งอาจจะสืบเชื้อสายมาจากชาวอินเดียแขกทมิฬทางภาคใต้ ที่เดินทางมาค้าสำเภา แล้วตั้งรกรากอยู่ในดินแดนแถบนี้ หรือเหตุผลประการหนึ่งคือ พื้นเพเดิมของชาวเมืองแถบนี้ก่อนที่ชาวจีนฮั่นจะอพยพลงมา มีพวกชนพื้นเมืองอาศัยอยู่ก่อนแล้ว ชนพวกนี้กล่าวกันว่า อพยพขึ้นไปจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ท่านมีผิวดำ

เด็กชายตันพ้อจอกเกิดมาในครอบครัวมีฐานะที่ยากจน แต่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดตั้งแต่สมัยเด็ก มีอุปนิสัยใจคอเรียบร้อยเป็นที่รักใคร่ของพ่อแม่และเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียง รวมทั้งมีนิสัยชอบศึกษาหาความรู้ทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นเช่นเดียวกับเด็กวัยรุ่นทั่วไป แต่ที่แตกต่างจากเด็กทั่วไปก็คือ ท่านชอบศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนาตั้งแต่ยังเยาว์ ท่านศึกษาได้ลึกซึ้งและแตกฉาน

อีกทั้งท่านในฐานะที่เป็นคนอาศัยอยู่แถบเชิงเขาที่มีพืชนานาชนิด  ท่านจึงได้ศึกษาเรื่องพืชสมุนไพรไปด้วย จนสามารถนำมาประกอบเป็นยารักษาคนไข้ จนเชี่ยวชาญและเป็นแพทย์ประจำตำบลอีกด้วย

ทุกวันเด็กชายตันพ้อจอกจะช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านและนำแพะออกไปเลี้ยงตามทุ่งหญ้า ต่อมาเกิดเหตุการณ์ข้าวยากหมากแพง ครอบครัวที่มีฐานะยากจนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็มีความยากจนข้นแค้นมากยิ่งขึ้น ด้วยความสงสารพ่อแม่และมองเห็นสัจธรรมของชีวิต เด็กชายตันพ้อจอกจึงเอ่ยปากขอร้องให้พ่อแม่พาตนไปบวช ซึ่งพ่อแม่ต่างก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะครอบครัวนี้มีความศรัทธาในศาสนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงนำลูกชายของตนไปบวชตามคำร้องขอของลูกชาย

หลังจากที่ได้ปลงผมบวชเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เณรน้อยตันพ้อจอกก็ศึกษาพระธรรมวินัยยังสำนักสงฆ์ต้าหยินเอี้ยน 大雲院 จนเติบใหญ่เป็นพระภิกษุจีนหนุ่มรูปหนึ่งที่มีความเคร่งครัดใน ศีลาจารวัตรและปฏิปทาอันน่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก

ภายหลังท่านได้ออกธุดงค์เดินทางมายังเขาก่าวไท่ซัน 高泰山 ได้ทราบถึงกิตติศัพท์ของท่านอาจารย์ เม้งกงเซียมซือ 明公禪師ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบุญญาอภินิหาร จึงสมัครตัวเป็นศิษย์ เมื่อได้รับการถ่ายทอดความรู้จากท่านอาจารย์เม้งกงเซียมซือแล้ว ไม่นานพระภิกษุตันพ้อจอกก็ได้ลาอาจารย์ไปบำเพ็ญธรรมอยู่ที่สำนักสงฆ์หม่าจ่าง 麻章庵 เรื่อยมา

จากการบำเพ็ญปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด และจริยาวัตรอันงดงามบริสุทธิ์ จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของชาวบ้าน จึงมีผู้คนให้ความเคารพนับถือเลื่อมใสเป็นจำนวนมาก จนทำให้พระภิกษุตันพ้อจอกมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งๆ ที่ยังเป็นพระหนุ่ม จนได้รับสมญานามว่า หลวงพ่อหม่าจ่าง (หม่าจ่างซ่งหลาง) 麻章上人

นับเนื่องจากที่ท่านมีจิตใจโอบอ้อมอารี ได้อบรมสั่งสอนธรรมะแก่ชาวบ้าน ทั้งที่หมู่บ้านและตำบลใกล้เคียง อีกทั้งยังได้ช่วยเหลือเครื่องอุปโภคบริโภคและเงินทองแก่ผู้ยากไร้ ด้วยความรู้แพทย์แผนจีนอย่างดี ท่านจึงช่วยรักษาผู้ป่วยในหมู่บ้าน นอกเหนือจากกิจกรรมดังกล่าวแล้ว ท่านยังได้พัฒนาและสร้างสาธารณะประโยชน์ เช่น ถนนหนทาง สะพาน เพื่อมวลชนทั่วไปจนปรากฏคุณงามความดีต่างๆ อีกทั้งยังเป็นที่พึ่งพิงของสาธุชนทั่วไป


ครั้งหนึ่งได้เกิดภัยแล้งครั้งใหญ่ที่อำเภอชิงซี 清溪 ชาวบ้านตำบลฮ่องหลาย 蓬萊ทราบว่าโจ่วซือมีบุญบารมีสูง จึงนิมนต์ท่านไปทำพิธีขอฝน หลังจากทำพิธีแล้วปรากฏว่า ฝนได้ตกลงมาอย่างเพียงพอ ชาวบ้านต่างดีใจมาก จึงส่งตัวแทนไปขอร้องโจ่วซือให้มาอยู่ประจำที่เขาฮ่องหลาย 蓬萊ซึ่งท่านก็ไม่ขัดข้องท่านได้ออกธุดงค์เผยแพร่หลักธรรมคำสอนไปทั่วติงโจว 汀州 และจังโจว漳州ชื่อเสียงของท่านก้องไกลไปทุกแห่งหน ที่ใดประสบภัยพิบัติ ก็จะนิมนต์ท่านมาช่วยขจัดปัดเป่า หรือช่วยขจัดภัยพิบัติเหล่านี้

ด้วยคุณงามความดีและความศรัทธา ความเคารพนับถือของเหล่าศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชนที่เคารพนับถือท่าน ต่างก็ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างวัดกึ่งศาลเจ้าให้ท่านจำพรรษาขึ้นที่ ณ กลางหุบเขา ฮ่องหลายซาน 蓬萊山 เมืองอันโค้ย 安溪ซึ่งภูเขาฮ่องหลายซานนี้มีความสูงสงบ ร่มรื่นเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งมีน้ำไหลเย็นจากภูเขาที่มีความใสสะอาดลงมาตามหน้าผา สามารถนำมาดื่มกินได้เป็นอย่างดี

กล่าวกันว่าในช่วงที่ท่านกำลังก่อสร้างวัดอยู่นั้นท่านได้เดินทางเข้าไปในตัวเมือง เพื่อซื้อต้นไม้สนจีนที่ต้นตรงไม่คด ผู้ขายเจ้าของไม้ มีต้นไม้แบบดังกล่าวจำนวนไม่กี่ต้นและลำต้นยังเล็กอยู่ด้วย เขาจึงขายให้ท่านด้วยเงินเพียงเล็กน้อย และสัญญากับท่านให้ตัดไม้ภายในห้าวัน ท่านดีใจมากกลับวัด ให้ขุดสระสี่เหลี่ยมแล้วเจาะรูเล็กๆ ตรงกลางสระ (สระน้ำฝางเจียน) ฝ่ายชาวบ้านและพระลูกวัดทำตามที่ท่านสั่ง ไม่เข้าใจว่าท่านให้ทำเพื่ออะไร ครั้นภายหลังวันนั้นในเวลากลางคืน เกิดพายุทั้งลมทั้งฝนพัดจัดโค่นเอาต้นสนจีนที่ท่านต้องการล้มลง ท่านจึงให้ลากลงไปในโคลนแล้วหายไป พอถึงวันที่สาม ปรากฏว่าต้นสนดังกล่าวโผล่ขึ้นมาจากรูในสระที่ขุดไว้ ชาวบ้านและพระลูกวัดต่างช่วยกันลากไม้ขึ้นมารวมเก้าต้นซึ่งครบตามที่ต้องการ ขณะเมื่อต้นที่สิบกำลังโผล่ขึ้นมาพวกเขาต่างร้องว่า “พอแล้ว” ต้นสนต้นนั้นหยุดกึกปิดรูที่ขุดเสียจนปรากฏตออยู่จนบัดนี้

ท่านยังศึกษาเพิ่มเติมตามมรรคาแห่งเต๋าอีกด้วย ในส่วนของประวัติท่าน ในด้านที่ได้ศึกษาเต๋านั้น จะมีหลายเรื่องเช่นกัน เช่น สาเหตุที่จ้อสู้มีหน้าสีดำ เนื่องมาจากท่านได้ไปปราบปีศาจนอกศาสนา ขณะนั้นท่านได้อาศัยอยู่ในถ้ำเพื่อบำเพ็ญศีลภาวนาอยู่นั้น ปีศาจได้ก่อกองไฟ เพื่อที่รมควันและเผาท่านให้เสียชีวิต จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึง 7 วัน 7 คืน จ้อสู้ก็ยังไม่เสียชีวิต ท่านจึงได้ปราบพยศปีศาจร้ายนอกศาสนาได้สำเร็จ แต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผิวหน้าและร่างกายของจ้อสู้ท่านจึงมีสีดำ จึงเป็นที่มาของฉายาว่า จ้อสู้หน้าดำ 黑面 祖師 ตั้งแต่นั้นมา

ต่อมาในราชวงศ์ซ้องหลองหิ้น ปีที่สอง ฮ่องเต้ได้ทรงเทกฮ่อง (พระราชทานสมณศักดิ์) แต่งตั้งท่านเป็นเจ้าอาวาสและเป็นสมเด็จพระสังฆราช โดยเรียกท่านว่า เจียวเอ่งไต่ซือ 昭應大師 และท่านก็คือ สมเด็จพระสังฆราชองค์แรกที่ถือกำเนิดขึ้นในแผ่นดินจีน

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังจากที่ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ท่านยังคงทำหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์เรื่อยมาโดยไม่ว่างเว้นอยู่เป็นกิจวัตร

เมื่อยามปฏิบัติธรรม ท่านมักจะมาเจริญภาวนานั่งสงบบนโขดหินกลางแอ่งน้ำอันใสเย็นอยู่เสมอๆ ด้วยเหตุนี้เองทำให้ศิษยานุศิษย์ต่างก็เรียกท่านว่า เฉ่งจุ้ยโจวซือ แทนที่จะต้องเรียกท่านว่า เจียวเอ่งไต่ซือ เพราะภูเขาฮ่องหลายซานมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้นานาพรรณแล้ว ยังมีน้ำสะอาดใสไหลมาจากหน้าผาจนเป็นน้ำตก ศิษยานุศิษย์ท่านจึงเอาคำว่า

“เฉ่งจุ้ย” แปลว่า “น้ำใส” มาไว้นำหน้าสรรพนาม คือ “โจ่วซือ” แปลว่า “หลวงปู่” หรือ “ปรมาจารย์” รวมกันคือ “เฉ่งจุ้ยโจ่วซือ” แปลว่า “ปรมาจารย์น้ำใส” ส่วนอีกนามหนึ่งที่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกขาน คือ “โจ่วซือก้ง”ในเรื่องได้กล่าวถึงศิษย์ของท่านอีกสององค์ คือ เอี๋ยวเต่า 楊道และ จิวเม้ง 周明โดยว่าองค์ที่ถือกระบี่นั้น หลังจากเล่าเรียนวิชากระทั่งสำเร็จไป ท่านได้มอบกระบี่ให้เล่มหนึ่ง ศิษย์ท่านจึงลองกระบี่นั่น ทำให้ภูเขาแยกออกจากกัน ซึ่งก็เป็นตำนานของภูเขานั่นเอง

ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดฮ่องหลายซาน เผยแผ่ธรรมะขวบจนท่านอายุได้ 65 ปี จึงมรณภาพ เมื่อ พ.ศ. ๑๖๕๒ ตรงกับรัชสมัยฮ่องเต้ฮุยจง (จ้าวจี๋) แห่งราชวงศ์ซ้องเหนือ ในถ้ำเฉ่งจุ้ยคืด (ถ้ำน้ำบริสุทธิ์) ซึ่งเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย มีน้ำหยดลงมาเป็นแอ่งน้ำ โดยขณะที่พบซากสังขารท่านนั้นล่วงเลยมาถึง 3 วันแล้ว หน้าตาของท่านยังสดชื่นเหมือนมีชีวิตอยู่ จากการละสังขารของท่านยังความเศร้าโศกเสียใจแก่พุทธศาสนิกชนทั่วทั้งแผ่นดินจีน จากนั้นพุทธศานิกชนได้ร่วมใจกันประกอบพิธีฝังไว้บริเวณหลังวัด พร้อมทั้งได้สร้าง เฉ่งจุ้ยเงี๋ยม 清水岩 (อนุสรณ์สถาน) ไว้ด้วย ต่อมาได้มีการสร้างเจดีย์ สูง 10 ชั้น ไว้หน้าหลุมฝังศพ เรียกว่า จินคงถะ 頁空塔แล้วนำไม้จันทร์หอมมาแกะสลักรูปเหมือนของท่านประดิษฐานไว้เพื่อสักการบูชาและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ กราบไหว้บูชามาจวบจนถึงปัจจุบันนี้ส่วนฉายาของ พระจมูกลอก นั้นเนื่องมาจาก เมื่อคราวเกิดภัยพิบัติ จำต้องมีการเคลื่อนย้ายรูปของท่าน ที่เก่าแก่มากแล้วยังไปสถานที่ที่ปลอดภัย ซึ่งการเคลื่อนย้ายนั้นทำให้รูปของท่านกะเทาะหลุดออกมาโดยเฉพาะส่วนจมูก จึงเป็นที่มาของฉายา พระจมูกลอก 落鼻祖師 อีกทั้งมีคำเล่าลือกันว่า เมื่อยามใดที่จะเกิดภัยพิบัติขึ้น รูปของท่านจมูกจะลอกออกมาให้ชาวบ้านได้รับทราบ เป็นการเตือนภัย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของที่มาของสมญานามท่าน

ที่อนุสรณ์สถาน (เฉ่งจุ้ยเงี๋ยม) นี้ ยังมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่ คือ ท่านมีต้นชาที่ปลูกด้วยมือของท่านเองอยู่ 1 ต้น เมื่อเก็บเอาใบชามาชงน้ำชา สามารถชงดื่มได้ถึง 5 - 6 ครั้ง โดยรสชาติและสีของน้ำชายังคงเดิม


อีกทั้งยังมีต้นไม้จัน (ผ่างชา) ที่ปลูกโดยท่านเช่นกัน มีขนาดใหญ่โตหลายคนโอบเลยทีเดียว ปัจจุบันสูงประมาณ ๓๒ เมตร วัดโดยรอบได้ ๗ เมตร แต่ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ กิ่งก้านสาขาทุกกิ่งจะงอกหันชี้ไปทางทิศเหนือทั้งหมด


รายละเอียด

งานไม้งานเก่าไต้หวัน สภาพสวยสมบูรณ์ ขนาด 16 นิ้ว งานยิงลาย จัดส่งฟรี